ดื่มเหล้าผิดตรงไหน?: เราซื้อของเรามาดื่มเอง ไม่ได้ไปลักขโมยของใครและเราก็ดื่มแต่เพียงเล็กน้อย ไม่ได้ไปก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่เห็นน่าจะผิดตรงไหน ทำไมท่านจึงปรับโทษไว้ด้วย?

05:38 Mali_Smile1978 1 Comments

เรียนรู้เรื่องศาสนา จากปัญหาข้องใจ(ตอนที่3):


ที่มา: https://pantip.com/topic/31921387

ถาม: ศีลข้อที่ห้าที่ท่านบัญญัติไว้ว่าห้ามดื่มสุราและเมรัยนั้น ความจริงการดื่มสุราและเมรัยซึ่งเราซื้อของเรามาดื่มเอง ไม่ได้ไปลักขโมยของใครและเราก็ดื่มแต่เพียงเล็กน้อย ไม่ได้ไปก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไมเห็นน่าจะผิดตรงไหน ทำไมท่านจึงปรับโทษไว้ด้วย

ตอบ: ปัญหาของคุณเห็นจะต้องตอบอย่างไม่เกรงใจกันกระมัง เพราะว่าน่าคิดน่าตอบทีเดียว จึงขอตอบแบบนักเลงหน่อยๆ ก็แล้วกัน

     ปัญหาข้อนี้ถ้าคิดเพียงผิวเผินอย่างว่าก็จะเห็นว่าไม่น่าผิดตรงไหนอย่างที่คุณคิด เพราะเป็นของของเรา เงินก็ของเรา สุราเมรัยก็ของเรา บางทีดื่มแล้วก็นอนไม่น่าผิด แล้วท่านยังมาเอาผิดจนได้นี่ซิ คนทั่วไปคงคิดอย่างคุณนี่ละกระมัง โรงงานสุราบางยี่ขันและอีกหลายโรงจึงตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้ และทำท่าว่าจะเจริญยิ่งๆ ขึ้นเสียด้วยซ้ำไป

     คุณเอาที่ไหนมาว่าดื่มเพียงเล็กน้อย และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ผู้ตอบยังไม่เคยพบเลยว่านักดื่มคนไหนจะดื่มเพียงเล็กน้อย เห็นมีแต่ดื่มไม่น้อยกันทั้งนั้น ลงมันได้ดื่มแล้วมันให้ มีลูกติดพันอยู่เรื่อยแหละน่า จะขอเวลานอกกันก็ตอนหมดขวดแล้ว หรือไม่ก็ตอนลุกแทบไม่ไหวับแทบทั้งนั้น

     นักดื่มทั้งหลายมักจะประเมินในใจว่า “ดื่มเพียงแค่นี้ไม่เห็นจะเดือดร้อนใครที่ไหน” แต่ความจริงแล้ว คนที่เดือดร้อนเพราะการดื่มของตัวน่ะมีแน่และมีมากคนด้วย อันดันแรกก็คือตัวเอง ต่อไปก็พ่อแม่ ลูก ภรรยา สามีคนในปกครอง เดือดร้อนกันไปหมด สำหรับตัวผู้ดื่มเองเดือดร้อนอย่างไรขอตอบยกหลัง


ที่มา: https://goo.gl/tPJwzP
เบื้องต้นขอยกบุคคลอื่นที่เดือนร้อนก่อน

     พ่อแม่ที่มีลูกเป็นคอเหล้าหรือติดยาเสพติดอย่างอื่นจะรู้สึกสะเทือนใจมาก เสียใจมาก จะเกิดความผิดหวังในตัวลูกอย่างที่สุด ทั้งเสียดายเงินทองที่ลูกผลาญด้วยการไปซื้อสุราเมรัย ยาเสพติด ทั้งเสียดายอนาคตลูกที่ตัววาดไว้อย่างสวยหรู การกระทำของลูกประเภทนี้เหมือนหนามแทงตาแทงใจพ่อแม่ทุกวี่ทุกวัน พ่อแม่ที่ไหนจะยินดีชอบใจที่มีลูกเป็นขี้เมาหยำเป มีแต่จะชอกช้ำใจเท่านั้น

     ลูกที่มีพ่อเป็นไอ้ขี้เมาหยำเป มีแม่ที่ขี้เมาเหมือนยายบ้า จะมีปมด้อยในใจ จะคบหาเพื่อนที่ดีพ่อแม่เขาก็ห้ามลูกเขามิให้มาคบด้วย คอยเตือนลูกของเขาว่าไอ้ลูกคนขี้เมาอย่าไปคบ เดี๋ยวจะพาเสียไปด้วย เมื่อคบคนดีไม่ได้ก็ต้องหันมาคบกุ๊ยข้างถนนเหมือนกัน หนังสือหนังหาไม่ค่อยได้เรียนเต็มที่นัก นอกจากลูกที่มีพ่อดีแม่ดีบางคนเท่านั้นที่กัดฟันหาเงินส่งลูกเรียน จะเอาจากพ่อขี้เหล้าแม่ขี้เมาหรือก็หมดหวัง ลูกขอค่าเทอมก็โดนด่า ลูกขอค่าหนังสือค่าขนมบ้างก็โดนเตะโดนถีบ เรียนไปทำไมเงินทองหายาก ออกมาช่วยพ่อช่วยแม่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว แสดงความกตัญญูกตเวทีบางซิ ตอนนี้เงินไม่มีบ้างล่ะ ไปขอแม่เขาเอาซี ไปขอพ่อเขาเอาซีบ้างละ กรรมของลูกแท้ๆ เงินที่ซื้อเหล้าดื่มน่ะทำไมมีได้ทุกวัน แต่เงินค่าหนังสือค่าเทอมลูกบอกไม่มี อย่างนี้ลูกไม่เดือดร้อนหรือ

     ภรรยาที่มีสามีขี้เหล้านั้นมีทุกข์ขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง บางครั้งต้องหาเงินซื้อให้ บางคราวดึกดื่นพ่อเจ้าประคุณ "อยาก" ขึ้นมาก็ต้องไปหาปลุกอาโกปากตรอกซื้อมาให้ บางครั้งเมามายมาแล้วยังมาแจกมือแจกเท้าให้เสียอีก ป้องกันตัวก็หาว่าสู้ ภรรยาบอกให้หยุดก็หาว่าเถียง ไม่พูด ไม่ป้องกันตัวบ้างก็เจ็บตัว เจ็บใจ อายชาวบ้านด้วย ยิ่งถ้ามีลูกมากด้วยแล้วยิ่งทุกข์หนัก ต้องหาเลี้ยงทั้งลูกทั้งสามีเลยทีเดียว
กรรมของภรรยาที่มีสามีเป็นไหเหล้าเคลื่อนที่!!!

สามีที่มีภรรยาขี้เมาก็เป็นทุกข์ไม่แพ้กัน

คนในปกครองที่มีเจ้านายชอบดื่มนั้น จะไม่ค่อยรับความยุติธรรมเท่าที่ควรนอกจากจะ “คอเดียวกัน” เท่านั้น

นี่มันเดือดร้อนคนอื่นอย่างนี้

ที่มา: https://goo.gl/tPJwzP

     การที่มีศีลข้อนี้ห้ามดื่มสุราและเมรัยนั้น เพราะห่วงอนาคต ห่วงสุขภาพของมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง ท่านหวังดีปรารถนาดี ต้องการให้มนุษย์มีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางใจ เพราะผู้ไม่ดื่มสุราเมรัยจะไม่ได้รับเคราะห์กรรมและความทุกข์เหล่านี้เลย คือ

(๑) เสียทรัพย์
(๒) ทะเลาะกัน
(๓) โรคเบียดเบียนง่าย
(๔) ถูกตำหนิติเตียน
(๕) ไม่รู้อาย
(๖) สติปัญญาเสื่อม

     ข้อแรก เสียทรัพย์ นี่มองเห็นได้ชัด แม้เราจะซื้อกินเอง ไม่ได้ขโมยใครเขา แต่ก็ทำให้เสียทรัพย์ ทำให้ทรัพย์หมดไปโดยใช่เหตุ ควรจะนำไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นหรือในทางให้เกิดประโยชน์อย่างอื่นทั้งแก่ตัว แก่ครอบครัว แก่สังคม หรือแก่ชาติบ้านเมืองได้อีกมาก ก็มาหมดเปลืองไปเพราะเรื่องนี้ จริงอยู่ บางคนอาจไม่คิดว่าเปลือง เพราะมีเกินใช้สอย แต่ชื่อว่าเสียทรัพย์เหมือนกัน คือทรัพย์เสียไปโดยใช่เหตุดังกล่าว หรือใช้ทรัพย์ไปในทางผลาญสุขภาพ ผลาญร่างกาย หรือผลาญชีวิตตัวเองมากกว่า

     ข้อสอง ทะเลาะกัน นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าการทะเลาะกันเพราะสุราเมรัยนั้นจะมีไม่บ่อยนัก ไม่มีทุกคนและก็ไม่มีทุกครั้งที่ดื่ม แต่สาเหตุแห่งการทะเลาะกันอย่างหนึ่งก็มาจากการดื่มสุราและเมรัยนี้เอง เพราะพอเมาได้ที่แล้วทักพูดจากันชักจะไม่รู้เรื่อง ความเมามันพูดแทนเสียแล้ว
ที่มา: http://news.sanook.com/1819887/

     ข้อสาม โรคเบียดเบียนง่าย นี่ก็เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ทั่วไปแล้วว่า ผู้ดื่มของมึนเมาเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ พอหยุดดื่มหรือพอของเมาหมดฤทธิ์ ร่างกายจะอ่อนเพลีย ไม่อยากทำงาน เพราะเวลาเมาได้ที่ เลือดจะฉีดแรง ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักมาก จะทำงานอะไรแต่ละทีต้อง “โด๊ป” กันอยู่เรื่อย ไม่งั้นทำงานไม่ได้ พอหมดฤทธิ์ก็หมดกำลังอีก ร่างกายจะทนไหวหรือ พอเป็นอะไรแต่ละทีแทบเอาตัวไม่รอด โรคโน้นเอยโรคนี้เอยแทรกซ้อนกันขึ้นมาจนตัวเองก็แทบจำไม่ได้ว่าตัวเป็นโรคอะไรบ้าง

     เหล่านี้คือโรคของคนชอบ “กล้า” ด้วยการ “ดื่ม” หรือ “โด๊ป” ด้วยน้ำที่เรียกว่า “สุรา”
     คนที่มีโรคมากก็อายุสั้น เรื่องมันก็ลงเอยแค่นั้น ไม่มากไปกว่านี้

     ข้อสี่ ถูกตำหนิติเตียน ข้อนี้ปัจจุบันเขามองไม่เห็นกันเสียแล้วเพราะถือเป็นของธรรมดา เห็นดื่มเห็นเมากันจนชิน หรือสังคมมันเหมือนกันไปเสียหมดแล้ว จึงหาคนตำหนิไม่ค่อยได้ เลยไม่ค่อยรู้สึกกัน คนที่พอจะตำหนิได้ก็โดนอะไรต่อมิอะไรมาปิดปากเสียอ้าปากไม่ไหว หรือตำหนิเหมือนกัน แต่ไม่กล้าตำหนิต่อหน้า กลัว “ตีน” หรือกลัว “ตบ-ตี-ต่อย” อย่างใดอย่างหนึ่งก็เลยไม่ตำหนิ ปล่อยไปตามเรื่องตามราว



ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/450781

     คนในสังคมของเราจึงเต็มไปด้วยนักดื่มและขี้เมา คนตำหนิติติงมีน้อย เลยสู้ไม่ไหว

     เอาเป็นว่าเรื่องอย่างนี้นอย่างนี้คนเขารังเกียจก็แล้วกัน คนขี้เมาหาเพื่อนที่คบได้จริงๆ ยาก ก็มีแต่พวก “คอเดียวกัน” อย่างว่าเท่านั้น นอกนั้นเขาคบเพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น จะให้คบหาจริงๆ แบบกัลยาณมิตรเขาไม่ยอมด้วยหรอก เพราะเขา “รังเกียจ” น่ะ

     ข้อห้า ไม่รู้จักอาย ข้อนี้ก็ชัดเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าคนเมา ไม่ว่าจะเมาสุกหรือเมาดิบก็ตาม เป็นไม่รู้จักอายทั้งนั้น ด่าพ่อแม่กันเล่นก็ได้ ทุบตีกันหรือฆ่ากันก็ได้ นอนกลางถนนก็ได้ ร้องรำทำเพลงกันกลางถนนก็ได้ พูดจาหยาบคายชนิดที่เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วก็ยังหยาบอยู่ก็ได้ แก้ผ้าแก้ผ่อนเดินโทงๆ ตามถนนก็ได้ ซึ่งกิริยาอาการอย่างนี้ในเวลาปกติที่ไม่เมาจะทำไม่ได้ และไม่กล้าทำด้วยเพราะอายเขา แต่เวลาเมาแล้วทำได้อย่างสบายเพราะความอายหมดไปแล้ว

ที่มา: https://goo.gl/tPJwzP

     ข้อสุดท้าย สติปัญญาเสื่อม ข้อนี้ก็เนื่องมาจากการที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอเพราพิษสุรานั่นเอง สมองก็เลยมึนชาเสื่อมทรามไปด้วย สติปัญญาไม่ว่องไวเหมือนเก่า ตัดสินใจอะไรก็ช้าและตัดสินใจผิดๆ ทำให้สมรรถภาพในการทำงานเสื่อมทรามลงโดยไม่รู้ตัว
     ว่ามายืดยาวก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ท่านห้ามไว้ก็เพราะหวังดี ต้องการให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจดี เป็นปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป นั่นเอง

โทษเฉพาะตัวที่จะได้รับพอมองเห็นกันได้ดังกล่าวมาแล้ว

     แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ คนเราลองมันติดเสียแล้ว ต่อให้แกะอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมหลุดง่ายๆ เห็นว่าติดกันมานานแล้วจะเลิกเสียตอนนี้ก็เสียดาย เลยขอต่อไปเรื่อยๆ ก่อน ความลำบากจึงไม่สิ้นสุดกันได้สักที



ขอบคุณข้อมูล

- หนังสือไขข้อข้องใจ ๒, (จากวารสารมงคลสาร, เมษายน ๒๕๑๙). พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช),๒๕๕๒.

1 ความคิดเห็น:

  1. เขียนได้ดีมาก คนที่ไม่รู้พออ่านแล้วได้ความรู้ประเทืองปัญญา อยู่ที่ว่าอ่านแล้วจะได้คิดหรือไม่เท่านั้นเอง

    ตอบลบ