พลิกฟื้นวิกฤตเศรษฐกิจด้วยพลังแห่งศีลได้อย่างไร?

23:33 Mali_Smile1978 63 Comments

         ปกติคนเราจำเป็นต้องดำรงชีวิตสืบต่อไปได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน  4 อย่าง คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ดังนั้นเรื่องการทำมาหากิน เรื่องเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีผลกระทบกับชีวิตของเราแทบทุกด้านอย่างแน่นอน เมื่อได้ติดตามอ่านข่าวเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้แล้วก็หวั่นใจมิใช่น้อย


 http://goo.gl/E0txY9


..."พิชัย” วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้กับ "ไทยโพสต์ แทบลอยด์” โดยฉายภาพโครงสร้างที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยแต่ละส่วน ทั้งการส่งออก-การนำเข้า-การลงทุน-การท่องเที่ยว-ภาคการพลังงาน-การบริโภคภายในประเทศ เชื่อมโยงไปถึงการเมืองภายในประเทศและภาพรวมเศรษฐกิจโลก เพื่อให้เห็นภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งระบบในปีนี้ บนข้อสรุปที่ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2559 ยังน่าเป็นห่วง...

ปี 59 เป็นปีแห่งความยุ่งยากมากขึ้นกว่าปี 58 ยุ่งยากและลำบากมากขึ้น ฟันธงเลย เพราะปี 58 ลำบากมาก่อนแล้ว ในปี 59 ปัญหาของไทยไม่ได้แย่แบบหักพังเลย แต่จะค่อยๆ แย่ บางคนก็ไม่ค่อยรู้สึก เพราะมันค่อยๆ แย่......” อ่านรายละเอียดได้ที่ (Thaipost,  http://goo.gl/E0txY9)

         คิดว่าเรื่องเศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือตกต่ำย่ำแย่ นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อย่างแน่นอน เคยเกิดขึ้นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย จึงได้ไปค้นคว้าว่าในยุคโบราณกาลเคยเกิดขึ้นที่ไหน? แล้วสมัยนั้นมีแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง? วันนี้จึงมีตัวอย่างเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความทุกข์ยาก อดอยากแร้นแค้นในบ้านเมือง ปรากฏในกุรุธรรมชาดก มาเล่าสู่กันฟังค่ะ




         ในอดีตกาลก่อน เจ้าเมืองแคว้นกุรุรัฐทรงพระนามว่าพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะ พระมหากษัตริย์องค์ใหม่นี้ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมและทรงรักษากุรุธรรม คือ ศีล 5 อันเป็นธรรมเนียมของชาวกุรุรัฐเสมอมา พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนชาวเมืองทั้งหลายต่างก็ยึดมั่นในกุรุธรรมหรือศีล 5 เหมือนกันนอกจากนั้นพระองค์ยังได้สร้างโรงทานขึ้นในพระนครถึง 6 แห่งซึ่งแสดงถึงสภาพเศรษฐกิจที่ดีมาก 

         ส่วนเมืองทันตบุรี ซึ่งมีพระเจ้ากาลิงคราชเป็นกษัตริย์ปกครอง ชาวเมืองต่างอดอยากยากแค้น ถูกโรคต่างๆ รบกวนอยู่เสมอ เพราะเกิดฝนแล้งข้าวยากหมากแพงประชาชนจึงพากันเข้าไปร้องทุกข์อยู่ที่ประตูพระราชวัง พระเจ้ากาลิงคราชจึงตรัสถามบรรดาราษฎรว่า เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเช่นนี้พระมหากษัตริย์แต่โบราณทรงมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร ราษฎรทั้งหลายจึงกราบทูลว่ากษัตริย์ในครั้งนั้นจะทรงบริจาคทานและทรงถืออุโบสถศีลอยู่ในปราสาทตลอด 7 วัน ฝนจึงจะตก ราษฎรก็จะหว่านข้าว ดำกล้า ทำมาหากินได้

         พระเจ้ากาลิงคราชทรงปฏิบัติตามคำกราบทูลของราษฎรแต่ฝนก็ยังไม่ตก พระองค์จึงทรงปรึกษาหารือกับบรรดาอำมาตย์ทั้งหลาย บรรดาอำมาตย์จึงกราบทูลให้ขอพญาช้างเผือกมงคลจากพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะมาสู่ทันตบุรี ฝนก็จะตกบริบูรณ์ เมื่อได้ช้างเผือกมาแล้วแต่ฝนก็ยังไม่ตก พระเจ้ากาลิงคราชจึงทรงปรึกษาหารือกับบรรดาอำมาตย์ เพื่อหาวิธีให้ฝนตกลงมา หมู่อำมาตย์จึงกราบทูลว่า พระเจ้าธนัญชัยโกรพยะนั้นทรงรักษากุรุธรรม คือ ศีล 5 อยู่เป็นนิตย์ ฝนจึงตกลงมาในประเทศของพระองค์ทุกๆ 15 วัน     


ที่มา: http://goo.gl/VReoC4

         พระเจ้ากาลิงคราชทรงเห็นชอบจึงโปรดให้พราหมณ์ทั้ง 8 คน กับอำมาตย์เป็นราชทูตนำพญาช้างเผือกไปถวายคืน ณ กรุงอินทปัตถ์และถวายเครื่องบรรณาการพร้อมทั้งให้ทูลขอจารึก กุรุธรรมมาด้วย 

         เมื่อพราหมณ์และอำมาตย์แห่งกรุงกาลิงคราช จึงกราบทูลขอกุรุธรรมจากพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะแต่พระองค์ไม่ทรงพระราช ทานให้เพราะทรงไม่แน่พระทัยว่ากุรุธรรมของพระองค์บริสุทธิ์ผุดผ่องเพราะเคยทรงแผลงพระศรลูกหนึ่งตกลงไปในสระน้ำทรงสงสัยว่าลูกศรนั้นอาจจะไปถูกปลาตัวใดตัวหนึ่งถึงแก่ความตาย จึงทรงแนะนำให้หมู่พราหมณ์และอำมาตย์ไปทูลขอกุรุธรรมจากพระราชมารดาของพระองค์ แต่บรรดาราชทูตก็ยืนยันว่าพระองค์ไม่มีเจตนาจะฆ่าสัตว์ศีลคงไม่ขาด ขอให้พระองค์พระราชทานกุรุธรรมให้ด้วยเถิด พระเจ้าธนัญชัยโกรพยะจึงทรงอนุญาตให้ราชทูตจารึกกุรุธรรมลงในแผ่นทองซึ่งก็คือ ศีล 5 นั้นเอง

         ต่อมาราชทูตจึงไปเฝ้าพระราชมารดา พระนางก็ทรงสงสัยว่ากุรุธรรมของพระนางอาจจะไม่บริสุทธิ์เพราะได้เคยให้ของแก่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนแต่ของมีมูลค่าไม่เท่ากันจึงไม่อยากให้กุรุธรรมแก่ราชทูต พวกราชทูตก็ทูลถวายความเห็นว่าไม่เป็นไร แล้วทูลขอจารึกกุรุธรรมของพระนางลงในแผ่นทองคำซึ่งมี 5 ข้อเหมือนกัน 

        จากนั้นจึงเข้าไปเฝ้าพระอัครมเหสี พระอัครมเหสีก็ตรัสว่าพระนางเองยังทรงสงสัยว่า กุรุธรรมของพระนางจะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยเผลอจิตคิดไปว่าถ้าพระราชาสวรรคตแล้วพระนางได้ร่วมอภิเษกกับมหาอุปราชก็จะได้ดำรงตำแหน่ง อัครมเหสีอีก พวกราชทูตจึงกราบทูลว่าศีลของพระนางมิได้ด่างพร้อยแล้วทูลขอจดกุรุธรรมจากพระนาง
         ครั้นแล้วคณะราชทูตจึงไปกราบทูลขอจดกุรุธรรมจากมหาอุปราช มหาอุปราชก็ตรัสว่า พระองค์ ยังสงสัยว่ากุรุธรรมของพระองค์จะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยทำให้ประชาชนเข้าใจผิด หลงรอคอยเข้าเฝ้า พระองค์เก้อ ส่วนพวกบริวารก็ต้องทนเปียกฝนรอคอยอยู่ที่ประตูพระราชวังทั้งคืน แต่คณะราชทูตทูลว่า ไม่เป็นไร แล้วทูลขอจารึกกุรุธรรมของมหาอุปราชลงในแผ่นทองคำ 

         คณะราชทูตไปหาปุโรหิตาจารย์ ปุโรหิตจึงกล่าวว่า ยังสงสัยว่าศีลของตน จะด่างพร้อย เพราะเคยมีจิตคิดอยากได้รถคันงาม ที่กษัตริย์เมืองอื่นส่งมาถวายพระราชา แต่ครั้นภาย หลังพระราชาพระราชทานรถคันนั้นให้ ปุโรหิตก็ไม่ยอมรับ ราชทูตทั้งหลายเห็นว่า การคิดโลภเพียงเท่านี้ ย่อมไม่ทำให้เสียศีล แล้วขอจารึกกุรุธรรมลงในแผ่นทองคำ



         ต่อจากนั้นราชทูตจึงพากันไปหาอำมาตย์ซึ่งทำหน้าที่รังวัดไร่นา อำมาตย์ผู้นั้นก็บอกว่า สงสัยว่าศีลข้อปาณาติบาตของตนจะขาดไป เพราะเคยไปวัดนาสุดเขตลงตรงรูปูแต่ไม่เห็นรอยปูปรากฏ จึงคิดว่าไม่มีปูอยู่ในรู ครั้นปักไม้ลงไปในรูก็ได้ยินเสียงปูร้องทำให้คิดว่าปูอาจจะตาย บรรดาราชทูตจึงแย้งว่าอำมาตย์ไม่มีเจตนาจะฆ่าปู ศีลของท่านจึงยังไม่ขาดและขอจดกุรุธรรมลงในแผ่นทองคำ

         ต่อจากนั้นคณะทูตได้ไปหานายสารถี นายสารถีก็สงสัยว่าศีลของตนจะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยใช้แส้ตีม้า พวกราชทูตจึงคัดค้าน แล้วขอจดกุรุธรรม

         ครั้นแล้วคณะราชทูตได้ไปหามหาเศรษฐี มหาเศรษฐีก็สงสัยว่า ศีลอทินนาทานของตนอาจจะเสียไปเพราะยังไม่ทันได้ถวายข้าวสาลีเป็นค่านาให้หลวงก็ให้คนใช้ผูกรวงข้าวเล่น พวกราชทูตได้คัดค้านว่าไม่เป็นไรแล้วขอจดกุรุธรรม

         ต่อมาคณะราชทูตจึงไปหาอำมาตย์ผู้ทำหน้าที่ตวงข้าว อำมาตย์ผู้นั้นก็คิดสงสัยว่าศีลของตนจะด่างพร้อยเพราะขณะที่ทำหน้าที่เป็นผู้ใส่ไม้สำหรับนับจำนวนข้าวเปลือกในขณะที่คนใช้ขนข้าวเปลือกบังเอิญฝนตกลงมาตนเองรีบหนีฝนเลยจำไม่ได้ว่าใส่ไม้เข้าไปในกองใด พวกราชทูตจึงได้คัดค้านและขอจารึกกุรุธรรมของอำมาตย์ไป

     ลำดับต่อไปคณะราชทูตก็ไปหานายประตู นายประตูจึงเล่าความสงสัยในกุรุธรรมของตนว่าวันหนึ่งใกล้เวลาที่จะปิดประตูพระนคร ตนได้ว่ากล่าวชายขัดสนผู้หนึ่งกับน้องสาวของชายผู้นั้นซึ่งกลับเข้าเมืองในเวลาเย็นมาก ตนได้กล่าวตู่ด้วยเข้าใจผิดว่าหญิงคนนั้นเป็นภรรยาของชายผู้นั้น พวกราชทูตจึงคัดค้านและขอจดกุรุธรรมของนายประตู 

         ถัดจากนั้นคณะราชทูตได้พากันไปหานางวัณณทาสี(หญิงงามเมือง) นางวัณณทาสีจึงสงสัยว่าศีลของนางจะไม่บริสุทธิ์ พวกราชทูตคัดค้านว่าไม่เป็นไรแล้วขอจดกุรุธรรมซึ่งได้รายละเอียดเหมือนที่จดมาจากทุกคน





         เมื่อราชทูตจดกุรุธรรมของคนทั้ง 11 แล้วจึงนำไปถวายพระเจ้ากาลิงคราช กราบทูลเรื่องความสงสัยในศีล 5 ของคนเหล่านั้นให้ทรงทราบทุกประการ พระเจ้ากาลิงคราชทรงโสมนัสเป็นอย่างยิ่งแล้วได้ทรงตั้งพระทัยรักษาศีล5ให้บริสุทธิ์นับแต่บัดนั้น ฝ่ายพราหมณ์และอำมาตย์ทั้งหลายก็ตั้งใจรักษาศีลตามตลอดจนประชาชนทั่วแคว้นต่างชักชวนกันรักษาศีล ต่อมาฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร บริบูรณ์

         จะเห็นว่าการรักษาศีลในระดับของมวลชนนั้นมีผลทำให้บรรยากาศของโลกดีขึ้น ฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลซึ่งจะมีผลต่อการทำเกษตรกรรมให้ได้ผลดี เศรษฐกิจของประเทศนั้น เมืองนั้นย่อมเกิดผลดีตามไปด้วย

         ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาความสุข  3 ประการ  คือ คำสรรเสริญ 1, การได้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ 1, ละโลกแล้วได้บันเทิงในสวรรค์ 1 , พึงรักษาศีล

ศีลเป็นเสมือนรั้ว  ที่คอยป้องกันความชั่วไม่ให้เข้ามาสู่ชีวิต หากปราศจากรั้วแห่งศีลแล้ว  ชีวิตจะมีความสงบสุขได้อย่างไร และถึงแม้ว่ารั้วแห่งศีลนี้ จะทำให้เราไม่อาจใช้ชีวิตไปทุกทางตามอำเภอใจ แต่เราก็ยังคงมีอิสระเต็มที่ ที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตด้วย ความสะดวกสบาย และปลอดภัยในรั้วแห่งศีล


         ศีลที่บุคคลรักษาดีแล้ว ย่อมน้อมนำสมบัติทุกอย่างมาให้



         แต่หากคนในบ้านเมืองใดไม่ประพฤติธรรมบ้านเมืองนั้นย่อมได้รับผลตรงกันข้ามดังที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในธัมมิกสูตร ว่า


“ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในสมัยใดพระราชาทั้งหลายประพฤติไม่เป็นธรรมในสมัยนั้นแม้ข้าราชการทั้งหลายก็พลอยประพฤติไม่เป็นธรรม เมื่อข้าราชการ ประพฤติไม่เป็นธรรม พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายก็ประพฤติไม่เป็นธรรม บ้าง…ชาวบ้านชาวเมืองก็ประพฤติไม่เป็นธรรมไปตามกัน ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ก็โคจรไม่สม่ำเสมอ ดาวนักษัตรทั้งหลายก็เดินไม่เที่ยงตรง คืนและวันก็เคลื่อนไป ครั้นคืนและวันเคลื่อนไป เดือนและปักษ์ก็คลาดไป ครั้นเดือนและปักษ์คลาดไฤดูและปีก็เคลื่อนไป ครั้นฤดูและปีเคลื่อนไป ลมก็พัดผันแปรไปครั้นลมพัดผันแปรไป ลมนอกทางก็พัดผิดทางครั้นลมนอกทางพัดผิดทาง เทวดาทั้งหลายก็ปั่นป่วน ครั้นเทวดาทั้งหลายปั่นป่วน ฝนก็ไม่ตกตามฤดูกาลครั้นฝนไม่ตกตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่ดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวที่สุกไม่ดีย่อมอายุสั้น ผิวพรรณก็ไม่งามกำลังก็ลดถอยและมีอาพาธมาก” 




         ท่านทั้งหลายจะเห็นชัดเจนว่าปัญหาทางเศรษฐกิจ คงไม่สามารถใช้อัศวินม้าขาวมากอบกู้ แต่ต้องใช้พลังมวลชน ผู้มี กาย วาจา  ใจ  บริสุทธิ์สะอาด  มีศีล ศีลจึงเป็นสูตร สำเร็จอันล้ำค่า  เป็นภูมิปัญญาที่ไม่มีวันล้าสมัย ในการพิชิตปัญหาเศรษฐกิจของมนุษย์ชาติได้อย่างแท้จริง


                                                                                                              มะลิ สไมล์


ขอบคุณ: 
1. http://www.84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270427
2. พระมหาสุวิทย์ วิชเชสโก ป.ธ.9. ศีล...เป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม.2542.
3. http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=7589
4. Thaipost,  http://goo.gl/E0txY9


63 ความคิดเห็น:

  1. รักษาศีล เดี๋ยวเศรษฐกิจดีทั้งประเทศ มีตัวอย่างมาในสมัยพุทธกาล

    ตอบลบ
  2. ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องนำพาสู่ความสำเร็จในชีวิต ขออนุโมทนาสาธุการ สาธุครับ

    ตอบลบ
  3. อนุโมทนาบุญสาธุสาธุ

    ตอบลบ
  4. สีเลนะ โภคะสัมปะทา แปลว่า ศีลทำให้มีโภคทรัพย์ อย่างนี้เอง...

    ตอบลบ
  5. ครับ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

    ตอบลบ
  6. ครับ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

    ตอบลบ
  7. เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ อย่าชะล้าใจน่ะค่ะสาวๆ

    ตอบลบ
  8. ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์..#เป็นที่รองรับการสร้างบารมี

    ตอบลบ
  9. ทําทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ จะดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามา

    ตอบลบ
  10. ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์

    ตอบลบ
  11. ศีล ยอดเยี่ยมในโลก

    ตอบลบ
  12. ศีล ยอดเยี่ยมในโลก

    ตอบลบ
  13. ศีลเป็นที่มาของโภคทรัพย์

    ตอบลบ
  14. บ้านเมืองใดคนไม่รักษาศีล ก็จะเกิดข้าวยากหมากแพง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล5 จึงเป็นทางแก้ที่รัฐควรสนับสนุน ไม่เชิ่ออย่าลบหลู่

    ตอบลบ
  15. ประวัติศาสตร์...ควรจารึกเรื่องที่ดี
    ประวัติศาสตร์...เรื่องราวมีได้ศึกษา
    ประวัติศาสตร์...เป็นแหล่งรวมสรรพวิชา
    ประวัติศาสตร์...จะนำพาให้สุขใจ
    ประวัติศาสตร์...พุทธศาสน์สำคัญยิ่ง
    ประวัติศาสตร์...จดจำสิ่งทรงค่าไว้
    ประวัติศาสตร์...แม้วันคืนนานเท่าใด
    ประวัติศาสตร์...ก็ช่วยให้ได้ธรรมา
    ประวัติศาสตร์...ต้องจารึกเป็นประวัติ
    ประวัติศาสตร์...พุทธบริษัทแสวงหา
    ประวัติศาสตร์...ต้องจารึกแรงศรัทธา
    ประวัติศาสตร์...พุทธนำพาโลกร่มเย็น...
    ...ตลอดไป...และตลอดกาลนาน...เทอญ

    ตอบลบ
  16. อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุๆๆๆ

    ตอบลบ
  17. อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุๆๆๆ

    ตอบลบ
  18. น่า อ่าานและเข้าใจได้ง่าย าก. น่าจิดตามหมู่บ้านรักษาศีล 5 นะคะ

    ตอบลบ
  19. ศีลไม่มี สมาธิไม่มา ปัญญาไม่ต้องพูดถึง

    ตอบลบ
  20. ถ้าทุกคนรักษาศีล โลกใบนี้จะไม่มีอาชีพทหาร,ตำรวจและทนายความ ให้ต้องปวดหัวอีกต่อไป ค่ะ

    ตอบลบ
  21. รักษาศีลสมาธิทำทานควบคู่ไปด้วยกันครอบครัวมีแต่ความรุ่งเรืองค่ะ

    ตอบลบ
  22. ศีล ทางรอดของมนุษย์ทุกสมัย

    ตอบลบ
  23. ช่วยกันทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เดี๋ยวทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนสมัยพุทธกาล ซึ่งมีตัวอย่างมาแล้ว

    ตอบลบ
  24. รักษาศีลได้ ตัวเราก็สบายใจ เพราะไม่คิดเบียดเบียนใคร สังคมรอบข้างก็มีความสุข เพราะอุ่นใจปลอดภัยไร้ระแวง .. พุทธองค์ตรัสแต่ความจริง พลังความดี จะช่วยบ้านเมืองพ้นวิกฤตได้ เรามาร่วมใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ กันค่าา

    ตอบลบ
  25. รักษาศีลได้ ตัวเราก็สบายใจ เพราะไม่คิดเบียดเบียนใคร สังคมรอบข้างก็มีความสุข เพราะอุ่นใจปลอดภัยไร้ระแวง .. พุทธองค์ตรัสแต่ความจริง พลังความดี จะช่วยบ้านเมืองพ้นวิกฤตได้ เรามาร่วมใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ กันค่าา

    ตอบลบ
  26. คนมีศีล ใจคนเย็น ทุกอย่างรอบตัวจะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

    ตอบลบ
  27. ศีลคือ ปกติ มีความเย็น เมื่อทุกคนมีศีล เสมอกัน ทุกอย่างก็จะดีตามค่ะ

    ตอบลบ
  28. เยี่ยมเลย 👍🏻👍🏻👍🏻

    ตอบลบ
  29. เศรษฐกิจและจิตใจต้องไปด้วยกันค่ะ

    ตอบลบ
  30. ศีลทำให้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุขจริงๆ ปัญหาเศรษฐกิจจึงแก้ไขได้ไม่ยากเมื่อคนเรามีศีลและรักษาศีลอย่างจริงแท้

    ตอบลบ
  31. ศีล: “...เราครองเรือนก็เหมือนกัน เสียทรัพย์ไป ศีลอย่าให้เสีย ต้องรักษาไว้ ศีลเป็นสิ่งสร้างทรัพย์ เจ้าทรัพย์เสียถ้าว่ามีศีลละก็ ได้ชื่อว่าเป็นคนดี คนบริสุทธิ์ แล้วเป็นเจ้าทรัพย์ ทรัพย์ดึงดูดโลกให้มาหา ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร ให้บริสุทธิ์จริงๆนะ...” พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ

    ตอบลบ
  32. "ศีล" เป็นเบื้องต้นเป็นบ่่อเกิด..แห่งคุณงามความดีทั้งหลาย..ถ้าทุกคนมีศีล..ชีวิตจะเกิดแต่สิ่งดีๆขึ้นในชีวิต..

    ตอบลบ
  33. ทาน ศีล ภาวนาคือบ่อเกิดแห่งทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติและคุณสมบัติ

    ตอบลบ
  34. ....ศีล...คือ ที่ตั้ง..และบ่อเกิดแห่งความเจริญ!!

    ...คนร้ายคิดทำลาย ตามนิสัยของคนอันธพาล!!

    ตอบลบ
  35. อยากให้รัฐบาลชุดนี้ตระหนักถึงคุณค่า ของการถือศีล ๕ อย่างน้อยก็ทำให้มีความสงบสุข เกิดขึ้นในสังคม อย่างเเน่นอน เเล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา

    ตอบลบ
  36. ศีล..เป็นที่ตั้งแห่งความดีงามและเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์ทั้งหลาย พึงรักษาศีลให้บริสุทธิ์อยู่เป็นนิจ ชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งโลกนี้และโลกหน้า มาตั้งใจรักษาศีล 5 ให้สะอาดบริสุทธิ์กันนะคะ สาธุๆๆค่ะ

    ตอบลบ
  37. ศีลคิอเกราะป้องกันทั้งภพนี้นี้และภพหน้า สาธุๆๆค่ะ

    ตอบลบ
  38. ความลำบากคับแค้นไม่ดีเลย เศรษฐกิจของประเทศแย่ลงๆข้าวของแพงจ่ายแต่ดอกเบี้ย ถ้าเรารักษาศีลแล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราควรจะช่วยกันรักษาศีล

    ตอบลบ
  39. ศีล5 ทำให้สังคมสงบสุข

    ตอบลบ
  40. ศีลเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง

    ตอบลบ
  41. ชีวีติตัวเองสูงส่ง ครอบครัวมีความสุข ประเทศชาติรุ่งเรือง เพราะประชาชนรักษาศีล5เอย.

    ตอบลบ
  42. การรักษาศีลดูได้จากประเทศไทย ไม่เจอเจอพายุหรือภัยพิบัติต่างๆเหมือนประเทศอื่นเพราะประเทศไทยมีบุญรองรับ

    ตอบลบ
  43. ต้องรักษาศีลให้ดี ทุกอย่างถึงจะดีขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  44. บ้านเมืองจะสงบสุขต่อเมื่อพลเมืองมีศีลห้าครบ

    ตอบลบ
  45. บ้านเมืองจะสงบสุขต่อเมื่อพลเมืองมีศีลห้าครบ

    ตอบลบ
  46. ศีล5 คือพื้นฐานของคนปกติ

    ตอบลบ
  47. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2559 เวลา 22:00

    สาธุค่ะ

    ตอบลบ