ความยุติธรรมคืออะไร? อยู่ที่ไหน? ยุติธรรมสำหรับฉัน? สำหรับเขา? หรือสำหรับใคร?

23:17 Mali_Smile1978 35 Comments


ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/G6Bc7a

ความยุติธรรมคืออะไร? อยู่ที่ไหน? 

       ยุติธรรมสำหรับฉัน? สำหรับเขา? หรือสำหรับใคร? มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันค่ะ
       ในวันที่องคาพยพต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมยังถูกตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ให้ความยุติธรรมในทุกวันนี้ยังคงเผชิญกับข้อกังขาที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น "ยุติ 2 มาตรฐาน!?" "ยุติธรรม (มี) จริงหรือในสังคมนี้!?"

ความยุติธรรมนั้นเป็นนามธรรมมากๆ  

ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/G6Bc7a

>>> ยุติธรรม คือการแบ่งครึ่งหรือเปล่า หรือดำกับขาว ต่างมองไม่เหมือนกัน  
>>> ความยุติธรรมบางครั้งก็ไม่ใช่ต้องเป็นไปตามกฎหมายอย่างเดียวเพราะการที่ทำให้สังคมสงบสุขได้มีหลายมิติ ทั้งที่บางเรื่องกฎหมายก็ไปไม่ถึง ทำอะไรไม่ได้ 
       วันนี้ตั้งโจทย์ว่าเป้าหมายของความยุติธรรมคืออะไร คำตอบคือทำให้สังคมสงบสุข ซึ่งหนังสั้นเรื่อง "สองพี่น้อง" ที่จะนำเสนอได้สะท้อนแง่มุมต่างของความยุติธรรม สะท้อนด้วยว่าความยุติธรรมไม่ได้หมายถึง ศาล อัยการ ตำรวจ ดีเอสไอ ฯลฯ เหล่านี้แค่กลไกหนึ่งเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมนุษย์ทุกคนในสังคมให้ความยุติธรรมกันได้ ไม่ใช่พึ่งกระบวนการหลักเพียงอย่างเดียว"


คำว่าความยุติธรรมนั้นเป็นนามธรรม (abstract noun) คือไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้  สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ 

(1) “ความยุติธรรมตามธรรมชาติ” หรือกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาตินั้นมีอยู่จริง มันคือกฎเกณฑ์ วิถีทาง ปรากฏการณ์ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ มีความเท่าเทียมกันทั่วโลก เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก สายน้ำไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำ เป็นต้น ความจริงเหล่านี้คือความยุติธรรม ไม่เคยมีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการเลือกชนชาติ ไม่มีการเลือกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเกิดพายุ น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด ปรากฏการณ์เหล่านี้มนุษย์เราสัมผัสรับรู้ได้ มันเป็นไปตามธรรมะ เป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลตามที่ควรจะเป็น  
(2) “ความยุติธรรมตามกฎหมาย” คือสังคมสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขซับซ้อน เพื่อไปสู่ข้อยุติของปัญหาต่าง ๆ

ความยุติธรรมมีอยู่จริงหรือไม่ ?
            ในสังคมของมนุษย์พยายามจะหาความยุติธรรมให้ได้ โดยบัญญัติศัพท์ต่าง ๆ ที่แสดงถึงความยุติธรรม คำนิยามของคำว่ายุติธรรม...
ความยุติธรรม (justice) หมายถึง ความเที่ยงธรรม (rectitude); ความชอบธรรม (righteousness); ความชอบด้วยเหตุผล (fairness); ความถูกต้อง (rightness) แต่ถึงแม้จะบัญญัติศัพท์นี้ให้พิสดารอย่างไร สังคมมนุษย์ก็ยังไม่เกิดความยุติธรรมขึ้นอยู่ดี?  ดังเช่นความวุ่นวาย ความกังขาที่เกิดขึ้นในสังคมหลายๆ เหตุการณ์ เช่น

ตย.เหตุการณ์ที่ 1

https://goo.gl/d1hRbW

>>> 14 ส.ค. 59 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเฮลิคอปเตอร์ไปควบคุม ผู้ต้องหามือวางเพลิงเผาห้างโลตัส สาขานครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท ทำงานอยู่บนแท่นเจาะน้ำมันกลางทะเลอ่าวไทย เมื่อกลับเข้าถึงฝั่งแล้วนำตัวผู้ต้องหาเข้าค่ายทหาร ทันที 
       ต่อมา 17 ส.ค.59...ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้สรุปว่า นายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับรายแรก และถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายทหาร มทบ.41 มีแนวโน้มว่าจะมีการจับผิด ทำให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ถึงกับอารมณ์เสีย ตำหนิตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้ที่เร่งรีบจับโดยไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน... (http://www.thairath.co.th/content/689832)
       กรณี จนท.ตำรวจลงทุนนั่งฮอร์ฯ ไปจับผู้ต้องหาบนเรือกลางทะเล ต่อมาเมื่อสอบสวนแล้วปรากฎว่า ผู้ต้องหาไม่มีความผิดจึงปล่อยตัวกลับบ้านไป...ซะงั้นจบข่าวคับพี่น้อง

??? สามัญชนอย่างเราๆ ขอถามว่า 
       กระบวนการสอบสวน สืบสวนทำกันอย่างไร? 
       มีหลักฐานหนักแน่นแล้วตั้งสมมติฐานกันด้วยวิธีการใด? 
ถึงเกิดเหตุการณ์จับแพะชนแกะ ผิดตัว ผิดคนได้ซะขนาดนี้เชียวหรือ?
       ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวคุณ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ หรือบุคคลที่คุณรัก คุณจะรับได้ไหม? คุณจะสะเทือนใจเสียขวัญ เสียชื่อเสียง เสียเวลา เสียอารมณ์ขนาดไหน?


ตย.เหตุการณ์ที่ 2


>>> กรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จวัดปากน้ำฯ พระมหาเถระผู้ทรงคุณธรรม เปี่ยมด้วยเมตตา ท่านเป็นประมุขสงฆ์ของประเทศ สร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับชาติ ศาสนา มาตลอดต่อเนื่อง
       มาวันหนึ่งโดนคนพาลยัดข้อหาว่า ครอบครองรถหรู สื่อก็ขยันประโคมข่าวจนกลายเป็นกระแสข่าวลบ สร้างความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ให้เกิดขึ้นในสังคม...
จริงๆ แล้วรถที่ย้ำหนักหนาว่า หรู คือซากรถโบราณนั่นเอง ที่ญาติโยมนำมาบริจาค พระท่านรับมาด้วยความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แล้วรถโบราณคันดังกล่าวก็จอดไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อให้เยาวชน ประชาชนทั่วไปได้มาชม ศึกษา ซึ่งรถคันเก่าๆ โบราณๆ ไม่ได้นำใช้ประโยชน์ส่วนตนของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ แต่อย่างใด


       คำถาม ญาติโยมบริจาครถเก่า สมเด็จวัดปากน้ำ รับไว้ บริจาคเข้าพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ อู่ประกอบรถผิดกฎหมาย  อู่ปลอมแปลงเอกสาร สมเด็จวัดปากน้ำไม่รู้เรื่อง จะผิดได้ไง หรือว่าผิดใจใคร? เจาะลึกความจริงได้ที่นี่ (https://goo.gl/te2Tpz)

??? สามัญชนอย่างเราๆ อยากรู้ว่า...ความเสียหายที่เกิดขึ้น สร้างความเสื่อมเสียในชื่อเสียงต่อตัวบุคคลและต่อพระศาสนา ใครจะรับผิดชอบ?

ตย.เหตุการณ์ที่ 3
>>> กรณีเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย มีผลงานกิจกรรมงานเผยแผ่มากมาย ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญเติบโตรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องกว่า 48 ปี สร้างวัดให้เกิดขึ้นอย่างมากมายทั้งในและต่างประเทศ สร้างคนดีให้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ซึ่งส่งผลก่อให้เกิดความสงบ เรียบร้อย และความมั่นคงให้กับสังคมมาโดยตลอดมา
       วันหนึ่งโดนยัดเยียดข้อหา “รับของโจร” ทั้งที่ความจริงพระรับบริจาคโดยสุจริต ในท่ามกลางสาธารณชนนับหมื่น
       พระนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถาน โดนยัดคดีว่า “ฟอกเงิน”  แล้วดีเอสอายก็พยายามเหลือเกินที่จะมาจับตัวท่านเจ้าอาวาสไปให้ได้เพื่ออะไร? เพื่อใคร? 


??? สามัญชนอย่างเราๆ ถามว่า...นี้คือการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดความชอบธรรมได้จริงหรือ?

ตย.เหตุการณ์ที่ 4


>>> กรณี เมื่อ 2 ผู้ต้องหายื่นหนังสือต่อหน้า DSI....ความยุติธรรมที่พึ่งได้ แบบนี้หรือ?
รายชื่อผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย 
ลำดับที่ 30.นายไพบูลย์ นิติตะวัน
       ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
(http://www.dsi.go.th/view.aspx?tid=t0000092)

พระสุวิทย์ วัดอ้อน้อย
  ในวันที่ 14 พฤษภาคม 57 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา โดยมีชื่อของพระสุวิทย์รวมอยู่ด้วย (http://www.thairath.co.th/content/401775;
http://www.komchadluek.net/news/detail/178369; http://news.sanook.com/1429569/)

>>> สงสัยมากว่าทำไม 
??? กรณีคดีกว้านซื้อที่ดินของพระสุวิทย์ วัดอ้อน้อย จึงไม่มีใครมาเปิดเผยความจริงบ้าง (http://news.sanook.com/1461329/)
??? ท่านสุวิทย์เอาเงินมาจากไหน? ใครเป็นผู้สนับสนุน? และครอบครองที่ดินไม่มีโฉนดจริงหรือ?
??? ทั้งกรมสอบสวนฯ หรือลูกศิษย์ก็น่าจะออกมาช่วยให้ความกระจ่างทางสื่อเพื่อเคลียร์ความบริสุทธิ์
จะได้ไม่ต้องคลางแคลงใจเรื่องสองมาตรฐานเนอะ

ตย.เหตุการณ์ที่ 5

ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/MttMio

>>> กรณี  นายธวัชชัย อนุกูล อายุ 66 ปี อดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงา สาขาท้ายเหมือง ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบหลายแปลงใน จ.ภูเก็ตและพังงา เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในห้องขัง ตึกดีเอสไอ...โดนกระทำจน "ตับแตก" เสียชีวิต แต่ DSI บอกว่า แขวนคอตายด้วย "ถุงเท้ากับบานพับ" 
       23 ก.ย. 59 ผู้กำกับ สน.ทุ่งสองห้อง เปิดผลการสอบสวนนายแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต "ธวัชชัย อนุกูล" พบร่องรอยชี้ชัด ไม่ได้ผูกคอเสียชีวิต เชื่อว่าถูกทำร้ายที่ดีเอสไอ...(https://www.thaich8.com/news_detail/13576)
       ต่อมาจากการชันสูตรศพของนิติเวช มีการแถลงข่าวโดยใช้วาทะกรรมทำลายสังคม ว่า "ถูกทำให้ตาย" แทน"ฆาตกรรม" เพื่อจะปฏิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ต้องให้มีการสืบค้นว่าใครคือ "ฆาตกร" ตัวจริง ใช่หรือไม่? เจาะลึกประเด็นเด็ดที่นี่ (https://goo.gl/zgtEw0) (https://goo.gl/SMmkHa)
23 ก.ย. 59 ‘หมอเหรียญทอง’โพสต์แฉ ดีเอสไอปิดข้อมูล’ธวัชชัย’ ว่าผูกคอ แจ้งเพียงเป็นลมขณะส่งรพ. ...ทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ DSI แต่เพียงว่าให้ไปรับนายธวัชชัยที่มีอาการคล้ายเป็นลมเท่านั้น เจ้าหน้าที่ DSI กระทำการปกปิดข้อมูล ไม่ได้ให้ข้อมูลเลยว่านายธวัชชัยผูกคอตายแต่อย่างใด จนเมื่อมีการแถลงข่าวจากอธิบดี DSI ในวันที่ 30 ส.ค.59 หลังจากที่นายธวัชชัยได้ตายไปแล้ว (http://www.matichon.co.th/news/295849)
ผู้คนในสังคมต่างเฝ้าติดตามและเกิดความสงสัยในการตายอย่างปริศนาของนายธวัชชัย...ยิ่งจนท.พูดแบบเล่นสำนวนว่า "ถูกทำให้ตาย" แต่ไม่ใช่ "ฆาตกรรม" สังคมยิ่งเกิดความวกวน สับสน...กำลังกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนศรัทธาและความน่าเชื่อถือของกรมสอบสวนคดีพิเศษลงไปทุกวันๆ
ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในหน่วยงานนี้ ว่าจะยังสามารถดำรงความยุติธรรม คืนความถูกต้อง ชอบธรรม ให้กับประชาชนต่อไปได้อีกหรือ? หากเป็นเช่นนั้น หน่วยงานนี้ DSI "ความยุติธรรมที่พึ่งไม่ได้"  ก็ควรจะยุบทิ้งเสีย เพราะหมดความน่าเชื่อถือเสียแล้ว ไร้สปิริต ที่จะรับผิดรับชอบ?

       อ่านมาถึงตรงนี้ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายพอจะเข้าใจ เข้าถึงความยุติธรรมว่าคืออะไร อยู่ที่ไหน  จะหาเจอได้อย่างไร  ในดินแดนกะลาแลนด์กันหรือยัง? กว่าจะเจอเทพีแห่งความยุติธรรม แต่ละท่านจะง่ายหรือยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร ก็พิจารณากันเองตามสบายและเดินหากันต่อนะค่ะ...เพราะเวลานี้มันไร้ตัวตนจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/G6Bc7a

       เป้าหมายของการทำให้เกิดความยุติธรรม คือความยุติธรรมที่สังคมและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความเชื่อมั่น ไว้วางใจ และศรัทธาในผลลัพธ์ที่ปรากฏ....การสร้างสรรค์สังคมที่เป็นธรรมด้วยการทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาในความยุติธรรมจึงต้องมุ่งไปที่ความชอบธรรมของขั้นตอนและวิธีการของการทำให้เกิดความยุติธรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือผลลัพธ์ในแต่ละเรื่องหรือแต่ละกรณี 
       ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องสร้างความโปร่งใสในทุกขั้นตอนของกระบวนการ จึงจะเป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นแก่สังคมโดยทั่วไป 
       ก่อนจบขอน้อมนำความตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาท ที่ว่า...
“...กฎหมายมิใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติหรือปัจจัยที่ตราไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม ผู้ใดก็ตามแม้ไม่รู้กฎหมาย แต่ถ้าประพฤติปฏิบัติด้วยความสุจริตแล้ว ควรจะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเต็มที่ ตรงกันข้ามคนที่รู้กฎหมายแต่ใช้กฎหมายไปในทางทุจริตควรต้องถือว่าทุจริต...” (ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒)


เรียบเรียงโดย มะลิ สไมล์

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง:
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/538818#sthash.IBLwHSH3.dpuf
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1374562796
http://www.wongkarnpat.com/viewya.php?id=396#.V-TluvmLTIU
http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=1460&articlegroup_id=278
https://goo.gl/HIBdxo
https://goo.gl/NKVt6C
https://goo.gl/4TN55u

35 ความคิดเห็น:

พลิกฟื้นวิกฤตเศรษฐกิจด้วยพลังแห่งศีลได้อย่างไร?

23:33 Mali_Smile1978 63 Comments

         ปกติคนเราจำเป็นต้องดำรงชีวิตสืบต่อไปได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน  4 อย่าง คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ดังนั้นเรื่องการทำมาหากิน เรื่องเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีผลกระทบกับชีวิตของเราแทบทุกด้านอย่างแน่นอน เมื่อได้ติดตามอ่านข่าวเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้แล้วก็หวั่นใจมิใช่น้อย


 http://goo.gl/E0txY9


..."พิชัย” วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้กับ "ไทยโพสต์ แทบลอยด์” โดยฉายภาพโครงสร้างที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยแต่ละส่วน ทั้งการส่งออก-การนำเข้า-การลงทุน-การท่องเที่ยว-ภาคการพลังงาน-การบริโภคภายในประเทศ เชื่อมโยงไปถึงการเมืองภายในประเทศและภาพรวมเศรษฐกิจโลก เพื่อให้เห็นภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งระบบในปีนี้ บนข้อสรุปที่ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2559 ยังน่าเป็นห่วง...

ปี 59 เป็นปีแห่งความยุ่งยากมากขึ้นกว่าปี 58 ยุ่งยากและลำบากมากขึ้น ฟันธงเลย เพราะปี 58 ลำบากมาก่อนแล้ว ในปี 59 ปัญหาของไทยไม่ได้แย่แบบหักพังเลย แต่จะค่อยๆ แย่ บางคนก็ไม่ค่อยรู้สึก เพราะมันค่อยๆ แย่......” อ่านรายละเอียดได้ที่ (Thaipost,  http://goo.gl/E0txY9)

         คิดว่าเรื่องเศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือตกต่ำย่ำแย่ นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อย่างแน่นอน เคยเกิดขึ้นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย จึงได้ไปค้นคว้าว่าในยุคโบราณกาลเคยเกิดขึ้นที่ไหน? แล้วสมัยนั้นมีแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง? วันนี้จึงมีตัวอย่างเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความทุกข์ยาก อดอยากแร้นแค้นในบ้านเมือง ปรากฏในกุรุธรรมชาดก มาเล่าสู่กันฟังค่ะ




         ในอดีตกาลก่อน เจ้าเมืองแคว้นกุรุรัฐทรงพระนามว่าพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะ พระมหากษัตริย์องค์ใหม่นี้ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมและทรงรักษากุรุธรรม คือ ศีล 5 อันเป็นธรรมเนียมของชาวกุรุรัฐเสมอมา พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนชาวเมืองทั้งหลายต่างก็ยึดมั่นในกุรุธรรมหรือศีล 5 เหมือนกันนอกจากนั้นพระองค์ยังได้สร้างโรงทานขึ้นในพระนครถึง 6 แห่งซึ่งแสดงถึงสภาพเศรษฐกิจที่ดีมาก 

         ส่วนเมืองทันตบุรี ซึ่งมีพระเจ้ากาลิงคราชเป็นกษัตริย์ปกครอง ชาวเมืองต่างอดอยากยากแค้น ถูกโรคต่างๆ รบกวนอยู่เสมอ เพราะเกิดฝนแล้งข้าวยากหมากแพงประชาชนจึงพากันเข้าไปร้องทุกข์อยู่ที่ประตูพระราชวัง พระเจ้ากาลิงคราชจึงตรัสถามบรรดาราษฎรว่า เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเช่นนี้พระมหากษัตริย์แต่โบราณทรงมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร ราษฎรทั้งหลายจึงกราบทูลว่ากษัตริย์ในครั้งนั้นจะทรงบริจาคทานและทรงถืออุโบสถศีลอยู่ในปราสาทตลอด 7 วัน ฝนจึงจะตก ราษฎรก็จะหว่านข้าว ดำกล้า ทำมาหากินได้

         พระเจ้ากาลิงคราชทรงปฏิบัติตามคำกราบทูลของราษฎรแต่ฝนก็ยังไม่ตก พระองค์จึงทรงปรึกษาหารือกับบรรดาอำมาตย์ทั้งหลาย บรรดาอำมาตย์จึงกราบทูลให้ขอพญาช้างเผือกมงคลจากพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะมาสู่ทันตบุรี ฝนก็จะตกบริบูรณ์ เมื่อได้ช้างเผือกมาแล้วแต่ฝนก็ยังไม่ตก พระเจ้ากาลิงคราชจึงทรงปรึกษาหารือกับบรรดาอำมาตย์ เพื่อหาวิธีให้ฝนตกลงมา หมู่อำมาตย์จึงกราบทูลว่า พระเจ้าธนัญชัยโกรพยะนั้นทรงรักษากุรุธรรม คือ ศีล 5 อยู่เป็นนิตย์ ฝนจึงตกลงมาในประเทศของพระองค์ทุกๆ 15 วัน     


ที่มา: http://goo.gl/VReoC4

         พระเจ้ากาลิงคราชทรงเห็นชอบจึงโปรดให้พราหมณ์ทั้ง 8 คน กับอำมาตย์เป็นราชทูตนำพญาช้างเผือกไปถวายคืน ณ กรุงอินทปัตถ์และถวายเครื่องบรรณาการพร้อมทั้งให้ทูลขอจารึก กุรุธรรมมาด้วย 

         เมื่อพราหมณ์และอำมาตย์แห่งกรุงกาลิงคราช จึงกราบทูลขอกุรุธรรมจากพระเจ้าธนัญชัยโกรพยะแต่พระองค์ไม่ทรงพระราช ทานให้เพราะทรงไม่แน่พระทัยว่ากุรุธรรมของพระองค์บริสุทธิ์ผุดผ่องเพราะเคยทรงแผลงพระศรลูกหนึ่งตกลงไปในสระน้ำทรงสงสัยว่าลูกศรนั้นอาจจะไปถูกปลาตัวใดตัวหนึ่งถึงแก่ความตาย จึงทรงแนะนำให้หมู่พราหมณ์และอำมาตย์ไปทูลขอกุรุธรรมจากพระราชมารดาของพระองค์ แต่บรรดาราชทูตก็ยืนยันว่าพระองค์ไม่มีเจตนาจะฆ่าสัตว์ศีลคงไม่ขาด ขอให้พระองค์พระราชทานกุรุธรรมให้ด้วยเถิด พระเจ้าธนัญชัยโกรพยะจึงทรงอนุญาตให้ราชทูตจารึกกุรุธรรมลงในแผ่นทองซึ่งก็คือ ศีล 5 นั้นเอง

         ต่อมาราชทูตจึงไปเฝ้าพระราชมารดา พระนางก็ทรงสงสัยว่ากุรุธรรมของพระนางอาจจะไม่บริสุทธิ์เพราะได้เคยให้ของแก่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนแต่ของมีมูลค่าไม่เท่ากันจึงไม่อยากให้กุรุธรรมแก่ราชทูต พวกราชทูตก็ทูลถวายความเห็นว่าไม่เป็นไร แล้วทูลขอจารึกกุรุธรรมของพระนางลงในแผ่นทองคำซึ่งมี 5 ข้อเหมือนกัน 

        จากนั้นจึงเข้าไปเฝ้าพระอัครมเหสี พระอัครมเหสีก็ตรัสว่าพระนางเองยังทรงสงสัยว่า กุรุธรรมของพระนางจะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยเผลอจิตคิดไปว่าถ้าพระราชาสวรรคตแล้วพระนางได้ร่วมอภิเษกกับมหาอุปราชก็จะได้ดำรงตำแหน่ง อัครมเหสีอีก พวกราชทูตจึงกราบทูลว่าศีลของพระนางมิได้ด่างพร้อยแล้วทูลขอจดกุรุธรรมจากพระนาง
         ครั้นแล้วคณะราชทูตจึงไปกราบทูลขอจดกุรุธรรมจากมหาอุปราช มหาอุปราชก็ตรัสว่า พระองค์ ยังสงสัยว่ากุรุธรรมของพระองค์จะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยทำให้ประชาชนเข้าใจผิด หลงรอคอยเข้าเฝ้า พระองค์เก้อ ส่วนพวกบริวารก็ต้องทนเปียกฝนรอคอยอยู่ที่ประตูพระราชวังทั้งคืน แต่คณะราชทูตทูลว่า ไม่เป็นไร แล้วทูลขอจารึกกุรุธรรมของมหาอุปราชลงในแผ่นทองคำ 

         คณะราชทูตไปหาปุโรหิตาจารย์ ปุโรหิตจึงกล่าวว่า ยังสงสัยว่าศีลของตน จะด่างพร้อย เพราะเคยมีจิตคิดอยากได้รถคันงาม ที่กษัตริย์เมืองอื่นส่งมาถวายพระราชา แต่ครั้นภาย หลังพระราชาพระราชทานรถคันนั้นให้ ปุโรหิตก็ไม่ยอมรับ ราชทูตทั้งหลายเห็นว่า การคิดโลภเพียงเท่านี้ ย่อมไม่ทำให้เสียศีล แล้วขอจารึกกุรุธรรมลงในแผ่นทองคำ



         ต่อจากนั้นราชทูตจึงพากันไปหาอำมาตย์ซึ่งทำหน้าที่รังวัดไร่นา อำมาตย์ผู้นั้นก็บอกว่า สงสัยว่าศีลข้อปาณาติบาตของตนจะขาดไป เพราะเคยไปวัดนาสุดเขตลงตรงรูปูแต่ไม่เห็นรอยปูปรากฏ จึงคิดว่าไม่มีปูอยู่ในรู ครั้นปักไม้ลงไปในรูก็ได้ยินเสียงปูร้องทำให้คิดว่าปูอาจจะตาย บรรดาราชทูตจึงแย้งว่าอำมาตย์ไม่มีเจตนาจะฆ่าปู ศีลของท่านจึงยังไม่ขาดและขอจดกุรุธรรมลงในแผ่นทองคำ

         ต่อจากนั้นคณะทูตได้ไปหานายสารถี นายสารถีก็สงสัยว่าศีลของตนจะไม่บริสุทธิ์เพราะเคยใช้แส้ตีม้า พวกราชทูตจึงคัดค้าน แล้วขอจดกุรุธรรม

         ครั้นแล้วคณะราชทูตได้ไปหามหาเศรษฐี มหาเศรษฐีก็สงสัยว่า ศีลอทินนาทานของตนอาจจะเสียไปเพราะยังไม่ทันได้ถวายข้าวสาลีเป็นค่านาให้หลวงก็ให้คนใช้ผูกรวงข้าวเล่น พวกราชทูตได้คัดค้านว่าไม่เป็นไรแล้วขอจดกุรุธรรม

         ต่อมาคณะราชทูตจึงไปหาอำมาตย์ผู้ทำหน้าที่ตวงข้าว อำมาตย์ผู้นั้นก็คิดสงสัยว่าศีลของตนจะด่างพร้อยเพราะขณะที่ทำหน้าที่เป็นผู้ใส่ไม้สำหรับนับจำนวนข้าวเปลือกในขณะที่คนใช้ขนข้าวเปลือกบังเอิญฝนตกลงมาตนเองรีบหนีฝนเลยจำไม่ได้ว่าใส่ไม้เข้าไปในกองใด พวกราชทูตจึงได้คัดค้านและขอจารึกกุรุธรรมของอำมาตย์ไป

     ลำดับต่อไปคณะราชทูตก็ไปหานายประตู นายประตูจึงเล่าความสงสัยในกุรุธรรมของตนว่าวันหนึ่งใกล้เวลาที่จะปิดประตูพระนคร ตนได้ว่ากล่าวชายขัดสนผู้หนึ่งกับน้องสาวของชายผู้นั้นซึ่งกลับเข้าเมืองในเวลาเย็นมาก ตนได้กล่าวตู่ด้วยเข้าใจผิดว่าหญิงคนนั้นเป็นภรรยาของชายผู้นั้น พวกราชทูตจึงคัดค้านและขอจดกุรุธรรมของนายประตู 

         ถัดจากนั้นคณะราชทูตได้พากันไปหานางวัณณทาสี(หญิงงามเมือง) นางวัณณทาสีจึงสงสัยว่าศีลของนางจะไม่บริสุทธิ์ พวกราชทูตคัดค้านว่าไม่เป็นไรแล้วขอจดกุรุธรรมซึ่งได้รายละเอียดเหมือนที่จดมาจากทุกคน





         เมื่อราชทูตจดกุรุธรรมของคนทั้ง 11 แล้วจึงนำไปถวายพระเจ้ากาลิงคราช กราบทูลเรื่องความสงสัยในศีล 5 ของคนเหล่านั้นให้ทรงทราบทุกประการ พระเจ้ากาลิงคราชทรงโสมนัสเป็นอย่างยิ่งแล้วได้ทรงตั้งพระทัยรักษาศีล5ให้บริสุทธิ์นับแต่บัดนั้น ฝ่ายพราหมณ์และอำมาตย์ทั้งหลายก็ตั้งใจรักษาศีลตามตลอดจนประชาชนทั่วแคว้นต่างชักชวนกันรักษาศีล ต่อมาฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร บริบูรณ์

         จะเห็นว่าการรักษาศีลในระดับของมวลชนนั้นมีผลทำให้บรรยากาศของโลกดีขึ้น ฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลซึ่งจะมีผลต่อการทำเกษตรกรรมให้ได้ผลดี เศรษฐกิจของประเทศนั้น เมืองนั้นย่อมเกิดผลดีตามไปด้วย

         ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาความสุข  3 ประการ  คือ คำสรรเสริญ 1, การได้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ 1, ละโลกแล้วได้บันเทิงในสวรรค์ 1 , พึงรักษาศีล

ศีลเป็นเสมือนรั้ว  ที่คอยป้องกันความชั่วไม่ให้เข้ามาสู่ชีวิต หากปราศจากรั้วแห่งศีลแล้ว  ชีวิตจะมีความสงบสุขได้อย่างไร และถึงแม้ว่ารั้วแห่งศีลนี้ จะทำให้เราไม่อาจใช้ชีวิตไปทุกทางตามอำเภอใจ แต่เราก็ยังคงมีอิสระเต็มที่ ที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตด้วย ความสะดวกสบาย และปลอดภัยในรั้วแห่งศีล


         ศีลที่บุคคลรักษาดีแล้ว ย่อมน้อมนำสมบัติทุกอย่างมาให้



         แต่หากคนในบ้านเมืองใดไม่ประพฤติธรรมบ้านเมืองนั้นย่อมได้รับผลตรงกันข้ามดังที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในธัมมิกสูตร ว่า


“ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในสมัยใดพระราชาทั้งหลายประพฤติไม่เป็นธรรมในสมัยนั้นแม้ข้าราชการทั้งหลายก็พลอยประพฤติไม่เป็นธรรม เมื่อข้าราชการ ประพฤติไม่เป็นธรรม พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายก็ประพฤติไม่เป็นธรรม บ้าง…ชาวบ้านชาวเมืองก็ประพฤติไม่เป็นธรรมไปตามกัน ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ก็โคจรไม่สม่ำเสมอ ดาวนักษัตรทั้งหลายก็เดินไม่เที่ยงตรง คืนและวันก็เคลื่อนไป ครั้นคืนและวันเคลื่อนไป เดือนและปักษ์ก็คลาดไป ครั้นเดือนและปักษ์คลาดไฤดูและปีก็เคลื่อนไป ครั้นฤดูและปีเคลื่อนไป ลมก็พัดผันแปรไปครั้นลมพัดผันแปรไป ลมนอกทางก็พัดผิดทางครั้นลมนอกทางพัดผิดทาง เทวดาทั้งหลายก็ปั่นป่วน ครั้นเทวดาทั้งหลายปั่นป่วน ฝนก็ไม่ตกตามฤดูกาลครั้นฝนไม่ตกตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่ดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวที่สุกไม่ดีย่อมอายุสั้น ผิวพรรณก็ไม่งามกำลังก็ลดถอยและมีอาพาธมาก” 




         ท่านทั้งหลายจะเห็นชัดเจนว่าปัญหาทางเศรษฐกิจ คงไม่สามารถใช้อัศวินม้าขาวมากอบกู้ แต่ต้องใช้พลังมวลชน ผู้มี กาย วาจา  ใจ  บริสุทธิ์สะอาด  มีศีล ศีลจึงเป็นสูตร สำเร็จอันล้ำค่า  เป็นภูมิปัญญาที่ไม่มีวันล้าสมัย ในการพิชิตปัญหาเศรษฐกิจของมนุษย์ชาติได้อย่างแท้จริง


                                                                                                              มะลิ สไมล์


ขอบคุณ: 
1. http://www.84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270427
2. พระมหาสุวิทย์ วิชเชสโก ป.ธ.9. ศีล...เป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม.2542.
3. http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=7589
4. Thaipost,  http://goo.gl/E0txY9


63 ความคิดเห็น: