ถึงเวลา "คืนความเป็นธรรม" ต่อคดีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้ว?

23:54 Mali_Smile1978 0 Comments


ถึงเวลา "คืนความเป็นธรรม" แล้ว 
**********************

วันนี้ ประเด็นการไล่ล่า หาเรื่องเอาผิดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นสิ่งคาใจ ที่หลายล้านชีวิตต้องการคำตอบ

ทั้งๆที่ใครๆก็ทราบดี และมองเห็นว่าการทำงาน ของวัดพระธรรมกายภายใต้การนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สร้างประโยชน์เกิดขึ้นต่อสังคม ประเทศชาติ และ พระพุทธศาสนาอย่างมากมาย อาทิเช่น

🌟สร้างคนดี พระดี รวมกันนับหลายแสนคนผ่านโครงการบวชทุกๆรุ่น มากว่าสามสิบปีแล้ว

🌟สร้างนักเรียนที่มีคุณภาพและมีศีลธรรม
หลายแสนคนผ่านโครงการวีสตาร์...

🌟ฟื้นฟูวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งกว่า 3000 วัดแล้ว

🌟ก่อตั้งสร้างวัดสาขาเพื่ออบรมศีลธรรม และเผยแผ่คำสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทั่วโลก

การเชิดชูศาสนาพุทธให้รุ่งเรือง สร้างศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญาที่ถูกต้อง ให้เกิดขึ้นในหมู่ชน 

ถ้าไม่มีอคติ...ผลงานเหล่านี้มีแต่ "คุณ" ล้วนๆเพราะนั่นหมายถึงการสร้างสังคมแห่งศีลธรรมที่ดีงามและ ปลอดภัยให้เกิดขึ้นในโลกใบนี้

แล้วทำไม..วัดพระธรรมกายจึงตกเป็นเป้าใหญ่ 
ในการถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า สงสัยจริงๆ

จะว่าไป...เรื่องกรณีเงินสหกรณ์ฯของคุณศุภชัย 
ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ในการสร้างประเด็นหรือพูดง่ายๆว่า หาเหตุมาอ้าง เพื่อให้ร้ายหลวงพ่อ อาศัยอำนาจใช้สื่อประโคมข่าวเท็จ สร้างข้อกล่าวหาเพิ่มขึ้น ทีละนิดๆ 

เรื่องจบ แต่ไม่ยอมให้จบ...เพราะเจตนาที่อยู่
เบื้องหลัง ไม่ใช่การตามเงินให้สหกรณ์ 

🌟เพราะส่วนที่มาบริจาค เมื่อหลวงพ่อได้ทราบความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ หลวงพ่อท่านได้ช่วยเหลือเยียวยาไปแล้ว ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของศิษยานุศิษย์กลุ่มหนึ่ง และสหกรณ์ก็ถอนฟ้องแล้ว

🌟วัดพระธรรมกายเป็นองค์กรเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในทันที แต่ก็เป็นรายเดียวที่ถูกไล่ล่าหาความอย่างเอาเป็นเอาตาย

เพราะอะไร?!?

🌟วัดพระธรรมกาย คือ องค์กรที่สามารถขับเคลื่อน การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ใช่หรือไม่

🌟 วัดพระธรรมกาย เป็นศูนย์รวมศรัทธามหาศาล 
บุคลากร อาสาสมัคร และ สาธุชน ล้วนต่างทุ่มเททำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ใช่หรือไม่

🌟วัดพระธรรมกาย มีศาสนสถานขนาดใหญ่มากพอ ที่จะรองรับกิจกรรมการอบรมคนได้เป็นจำนวนทีละหลายหลายแสนคนอย่างมีประสิทธิภาพ ใช่หรือไม่



ลองวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ผ่านมา ยังมองหาความเป็นธรรมไม่เจอเลย

1. คดีที่27/2559 นั้นไม่มีเจ้าทุกข์ เพราะสหกรณ์ได้ขอถอนฟ้องไปแล้ว เรื่องจบแล้ว ยุติแล้ว ทำไมเอามากล่าวหาหลวงพ่อ?

2. หลวงพ่อ คือ ผู้รับบริจาค ไม่รู้ที่มาของทรัพย์ด้วยซ้ำ ทำไมDSI ถืออำนาจอะไร มาตั้งข้อหาฟอกเงินและรับของโจร ทั้งๆที่หลวงพ่อไม่ใช่เจ้าของเงิน  

3. คดีนี้ อัยการได้ปฏิเสธการตั้งข้อหาฟอกเงินมาแล้วถึง 2 ครั้ง ทำไม DSI ยังมีความพยายามเอามาตั้งข้อหาซ้ำซ้อน เพื่อเอาผิดหลวงพ่อให้ได้ ?!? (จนมาวันนี้ โยกย้ายอัยการคนเดิม เปลี่ยนตัวอัยการคนใหม่ทำตามคำสั่งหรือ!!!)

4. คดีสหกรณ์นี้ ยังไม่สรุปความ  DSI มีสิทธิ์อะไร  มาขายที่ดินของกลาง 400 กว่าล้าน แถมยังไม่คืนเงินทั้งหมดให้สหกรณ์ คืนสหกรณ์เพียง 100 กว่าล้าน จ่ายค่านายหน้าไปอีก 60 ล้าน!!! และ มีการโอนเงินวนเวียนไปมาจนสุดท้ายมาจบที่เข้าบัญชี จนท. ของ  DSI เองด้วย อีก 40 ล้าน  เรื่องแบบนี้ DSI จะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้หรือ

5. เช็คสหกรณ์ 857 ใบ เกี่ยวข้องกับหลายร้อยองค์กร มีแค่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ตั้งกองทุนเยียวยา 1 พันกว่าล้านบาท เพื่อช่วยเหลือให้สหกรณ์ไม่ล้มละลาย และ ทางสหกรณ์ ได้ออกมาขอบคุณ และ ถอนฟ้องวัดพระธรรมกาย คดีจึงยุติเรียบร้อยแล้ว 

แต่น่าสงสัยว่า  DSI พยายามจะยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆนานา เพื่อเอาผิดต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ได้ทางใดทางหนึ่ง ไปเพื่ออะไร?

ถ้าอยากช่วยเหลือสหกรณ์จริงๆ เช็คอีก 800 กว่าใบที่เกี่ยวข้อง เป็นจำนวนเงินอีกหมื่นกว่าล้าน ทำไมไม่ไปติดตาม?!?

เมื่อประมวลความแล้ว ทบทวนแล้ว ให้สงสัยพฤติกรรมของ DSI จริงๆว่า ไม่มีความชอบธรรมในการทำคดีสหกรณ์ ขนาดนี้เชียวหรือ

แล้วที่ DSI ทำผิดระเบียบ ปปง. แอบขายของกลางทั้งๆที่คดียังไม่สรุป เงินหายไปไหน อีกทั้งทำให้คดีมีความเสียหายเพิ่มขึ้น 2,400 กว่าล้าน อย่างนี้ไม่ผิดหรือ? ไม่เรียกว่าทุจริตหรือ?



สงสัยจริง
DSI ทำตามใบสั่งใคร
ศาล ทำตามใบสั่งใคร
อัยการ ทำตามใบสั่งใคร

เพราะทุกอย่าง "ไม่เป็นธรรม" แล้วจะบังคับขู่เข็ญให้วัดพระธรรมกายลงไปเป็นหมากในกระดานที่ตั้งขึ้นมาเองอย่างนั้นหรือ?

ถ้าทุกอย่างอิงหลักความชอบธรรม อิงหลักกฎหมาย ที่เที่ยงธรรม และเป็นกลาง การตัดสินโดยศาลจึงน่าเชื่อถือ

แต่ทบทวนพฤติกรรมที่ผ่านมาแล้ว การกล่าวหาหลวงพ่อ เกิดจากวิธีการที่น่าสงสัยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พระลิขิตปลอม เช็คปลอม หมายเรียกปลอมแล้วหลวงพ่อยังไม่ได้เป็นจำเลย จะยัดเยียดให้หลวงพ่อเป็นจำเลยให้ได้ เพื่อจะออกหมายจับ ทำอย่างนี้ได้เลยหรือ 

และ ยิ่งเห็นการกระทำ 2 มาตรฐาน ชัดเจน
เมื่อเปรียบเทียบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พระองค์หนึ่งตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้พระศาสนาอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย กลับโดนกลั่นแกล้งยกข้อหามาใส่ร้าย ไม่รู้กี่คดีความ 

แม้ท่านไม่คิดจะเอาเรื่องใคร ท่านสู้ด้วยความจริง และ ความดีงามที่ประจักษ์ชัด พยานแห่งความดีงามปรากฏ ศรัทธาสาธุชนยังมั่นคง เหนียวแน่น 

แต่ ยังมิวายจะโดนตามรังควานไม่เลิก

เพราะอะไร?  มีเจตนาเบื้องหลังใช่ไหม?
••••••••••••••••••••••••••••••

ส่วนบางคน ก่อม็อบระดับประเทศ ปิดถนน รายล้อมด้วยการ์ดมาเฟียใจเหี้ยม รุมกระทืบอกพลเมืองบริสุทธิ์จนตายคาที่ ยกพวกปิดสถานทูต ขัดขวางการเลือกตั้ง ข่มขู่กรรโชกทรัพย์โรงแรม สร้างที่ในป่าสงวน ขึ้นโรงพักรายวัน เที่ยวฟ้องความผิดชาวบ้าน

DSI  ทำอะไรบ้าง...

••••••••••••••••••••••••••••••
อย่างนี้ ขบวนการยุติธรรม
มีความยุติธรรมขนาดไหนหรือ?!?

DSI  มีความน่าเชื่อถือขนาดไหน...

ขนาดคดีการตายของคุณธวัชขัย 
กรณี ถุงเท้า+บานพับ = ตับแตก
ยังถูกทำให้เงียบไป...

มองแค่นี้แหละ ตัดสินได้หรือยังว่า 
อะไรถูกอะไรผิด...

🌱 🌱 🌱 🌱 🌱 🌱 🌱 

จะเอาข้อกล่าวหาอะไรมากล่าวหาหลวงพ่อ
มันก็ไม่มีมูล ไม่มีเหตุ ไม่มีพยาน เพราะ
มันไม่เป็นความจริง

มาถึงตรงนี้

อีกฝ่ายถึงขนาดเตรียมสรรพกำลัง
พร้อมอาวุธ...เป็นพันๆนาย 
จะมาจับพระชรา..ที่นอนอาพาธ ไม่มีทางสู้ อย่างนั้นเชียวหรือ?

เรารู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ....แต่ขอให้รู้ไว้ เป็นที่อื่นคงนองเลือดไปนานแล้ว

แต่เพราะความยิ่งใหญ่แห่งหัวใจหลวงพ่อธัมมชโย ที่ท่านสู้ด้วยความ
บริสุทธิ์...จึงยอมเป็นฝ่ายโดนกระทำครั้งแล้วครั้งเล่า




อาวุธเราไม่น่ากลัว เพราะอาวุธเราคือ ความจริง ความบริสุทธิ์ 

เราเชื่อมั่นในบุญบารมี  ความเมตตา และ 
วิชชาธรรมกายของครูบาอาจารย์ของเรา

ถึงเวลาแล้ว ที่ลูกๆหลวงพ่อธัมมชโย
จะมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน มาสวดธัมมจักฯกัน
ให้เสียงสวดดังก้องฟ้า ดังไปถึงสามโลก 
เพราะทุกชั้นฟ้า ชั้นพรหม และ พระนิพพาน
จะลงมาปกป้องคนดี...


#ถึงเวลาคืนความเป็นธรรม ให้แก่
พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้แล้วหรือยัง!#



ที่มา: ขอบคุณข้อมูลทาง Social Line
2. http://news.mthai.com/hot-news/general-news/535428.html

0 ความคิดเห็น:

คดีวัดพระธรรมกาย...ถ้าไม่ได้ผิดและถูกต้องทำไมถึงไม่เข้าสู่กระบวนการของศาลให้เป็นไปตามกฎหมายล่ะ?

02:39 Mali_Smile1978 22 Comments


คดีรับของโจร #ร่วมฟอกเงิน  หลวงพ่อธัมมชโยเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ตกในฐานะจำเลยของคดี...หลายคนดูข่าวตามสื่อต่างๆ มีคำถามว่า ถ้าไม่ได้ผิดและถูกต้อง ทำไมถึงไม่เข้าสู่กระบวนการของศาลให้เป็นไปตามกฎหมาย?

ก่อนจะตอบคำถาม...
        จุดเริ่มต้นของคดีดังในเวลานี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อต่างๆ สังคมก็ได้รับรู้ข้อมูลจากสื่อในหลายช่องทาง จึงเกิดมีกระแสสังคม...หลายคนเข้าใจ รู้ที่มาที่ไปว่าหลวงพ่อวัดพระธรรมกายไม่ผิด กำลังได้รับความอยุติธรรม (เจาะลึกได้ที่....อย่าตกใจ! เปิดหน้ากากคนขย้ำธรรมกาย http://talk--secret.blogspot.com/2016/11/blog-post_26.html)
        แต่อีกหลายคนเกิดข้อกังขา สงสัยต่อคดีนี้ จึงคิดและพูดออกมาว่า ถ้าไม่ได้ผิดและถูกต้องทำไมถึงไม่เข้าสู่กระบวนการของศาลให้เป็นไปตามกฎหมายล่ะ?

วนกลับสู่จุดเริ่มต้นเพื่อไขข้อกังขา...ย้อนถามต่อประเด็นนี้...

        จุดเริ่มต้นจริงๆ จากเรื่องแสนจะธรรมดามากๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพุทธสืบเนื่องมา 2,500 กว่าปี ที่ว่าสาธุชนคนมีศรัทธา จึงนำเงินมาบริจาคให้พระด้วยเจตนาดีและบริสุทธิ์ใจ  เพื่อให้ท่านนำมาใช้ทำงานพระศาสนาต่อไป ....วันนี้พฤติกรรมพระรับบริจาคกลายมาเป็นว่า #พระรับของโจร  #พระร่วมฟอกเงิน...พระมีหน้าที่ต่อประชาชน คือสอนศีลธรรม #ไม่ใช่จะให้พระมาคอยนั่งถามว่าโยมเอาเงินมาจากไหน? ทำอาชีพอะไร? 

งงๆๆๆ มึนตึบยิ่งกว่านั่งรถขึ้นเขาสักร้อยโค้ง...มันมาถึงจุดนี้ได้ยังงัย? #จนท.บางหน่วยวินิจฉัยวิปริต

        เมื่อพระรับบริจาคแล้วนำเงินมาทำงานพระศาสนา พระที่ทุ่มเทสร้างแต่ประโยชน์ให้ส่วนรวม สังคมประเทศชาติและพระศาสนา อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดจนอายุเฒ่าแล้ว 72 ปี ....โดนยัดข้อหา #รับของโจร  #ร่วมฟอกเงิน ดีเอสอาย (Dark Stupid Idiot) และพวกแก๊งตัวละครหน้าเดิมๆ (ไพเบี้ย มะนาวหัวโหน่ง อีซาร่า ลุงต๊อกแต๊ก ) ดันทุรัง ออกโรงออกสื่อทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง มาถึงจุดพีค #ดูเป็นคดีร้ายแรง ต้องเร่งรีบจัดการ #ออกสารพัดหมาย  จากผู้ถูกกล่าวหา จนกลายมาเป็นผู้ร้ายในสายตาสังคม 
        กรมพิเศษนี้จัดการไม่พอ ต้องไปเอานายตร.บิ๊กศรีมาลงโลงจัดการคดีนี้ด้วย...ร่วมด้วยช่วยกันทั้งทหาร ตำรวจ หน่วยกรมพิเศษประชุมเครียดวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อไม่ให้คว้าน้ำเหลว ต้องให้ไ้ด 100% เข้าจับเอาตัวพระชรามาให้ได้ #สังคมดิ่งลง...มันมาถึงจุดนี้ #ทำร้ายผู้ไม่มีทางสู้ #ผู้ไร้อาวุธ ไม่มีอำนาจและกฎหมายในมือ จะให้ประชาชนตาดำๆ ทำอย่างไร?  #เก่งแต่จะจับพระ ผู้มีศีลเป็นอาภรณ์ #โจรใต้มีอาวุธครบมือกลับนอนหลับสบาย 
        

ขอย้อนถามสังคมว่า... 


        #ทำไมดีเอสไอ เร่งรัด ตะบี้ตะบันกับเงินบริจาคที่มาสู่วัดพระธรรมกายเพียง 10 % แล้วเงินก้อนใหญ่อีก 90 % ที่ไปสู่องค์กรอื่น หน่วยงานหรือบุคคลอื่น ทำไมถึงดีเอสอาย (Dark Stupid Idiot)ไปเร่งดำเนินการตามเอาเงินมาเยียวยาสมาชิกสหกรณ์เล่า? #มาเร่งรัด บีบเค้นแต่กับวัดพระธรรมกาย #เร่งออกหมายเรียก หมายจับกับพระชราและอาพาธ #เร่งสปีดจนน่าเกลียด เกินงาม 

        #การดูแลผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความปลอดภัย ไม่ไว้ใจและไม่เชื่อมั่น การให้ความยุติธรรมของกรมสับสน คดีพิเศษ #กลัวตับแตก #ถุงเท้ารัดคอ #ตายคาห้องขัง #ไร้ความโปร่งใส #ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด vs คนตายทั้งคนเอาฝ่ามือมาปิด #หนึ่งชีวิตที่เกิดมาแสนยาก พ่อแม่เลี้ยงข้าวหมดหลายถัง #สุดท้ายมาตายอย่างอนาถ กรมนี้#ไร้ความสามารถสืบหาฆาตกร #จับมือใครดมไม่ได้ 

        ทางวัดเคยขอให้ดีเอสไอมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด #ทำได้ตามกฎหมาย แต่ไม่มา แปลว่าอะไร? ดีเอสอาย (Dark Stupid Idiot) มีเงื่อนงำ เงื่อนไขอะไรหรือเปล่า? กรมสับสนพิเศษตอบสังคมว่า #มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว มาไม่ได้เพราะไม่อยากมา #ติดที่อัตตา มานะทิฏฐิ ศักดิ์ศรีหรืออะไร? จึงมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายไม่ได้


        หนู/ผม/พวกเรา กลัวดีเอสอาย ไม่ซื่อสัตย์ ไม่น่าเชื่อถือ หลายคดีที่มาถึงแผนกคดีพิเศษ ก็ไม่โปร่งใส คลุมเครือ #ตับแตก #ตายฟรี

        ไม่สามารถเชื่อมั่นได้เลยว่าดีเอสอาย (Dark Stupid Idiot) จะเป็นกลาง?

ด้วยเหตุนี้แล...นี่คือคำตอบสั้นๆ ต่อข้อกังขาด้านบน

 ขอย้ำชัดอีกว่า...
        ไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แต่เรารับความไม่ถูกต้อง ไม่ได้ ที่มาสู่ยุคนี้พระรับบริจาคเงินจากญาติโยมที่ศรัทธา #ถือเป็นวิถีวัฒนธรรมของชาวพุทธตั้งแต่ยุคพุทธกาลสืบทอดจนถึงปัจจุบัน....แต่มา ณ วันนี้ เข้าสู่ยุคอะไร? ที่พระรับบริจาคเงินจากญาติโยมที่ศรัทธากลายเป็นว่าผิดกฎหมาย #ข้อหารับของโจร #ฟอกเงิน....มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะให้เรายอมรับ...แล้วกลายเป็นต้นบัญญัติในเรื่องที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร?



22 ความคิดเห็น:

ชาวโซเชียล คอมเม้นต์เพี้ยบ...ฝากถึงอดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออก...ที่ชื่อว่า "วิฑูรย์ ชลายนนาวิน"

04:47 Mali_Smile1978 2 Comments



สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 มีข่าว ออกหมายจับ "พระธัมมชโย" เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเลย์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา....... (อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/social/general/466048)

        จากข่าวดังกล่าวนี้ ถ้าเราเสพข้อมูลเพียงชั้นแรกแล้วสรุปว่าผิดถูกเลยนี้นั้นหาควรไม่
        แต่ประเด็นวันนี้ที่น่าสนใจ ควรคิดและอยากรู้ คือเรื่องที่มาของเอกสารหลักฐานสำคัญที่ระบุ ชี้ชัดว่าศูนย์ปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายสร้างขึ้นในพื้นที่เหล่านี้ ว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนนั้น เอกสารมายังงัย? จากใครกัน?

        นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน คือผู้เชี่ยวชาญอ่านแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศ คนที่ร่วมกันทำงานกับนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง คนที่มาชี้แผนที่ตรวจสอบ การบุกรุกป่าของวัดพระธรรมกาย !!! ในอดีตเขาเป็น 1 ใน 5 บุคคล ซึ่งถือเป็นผู้ชำนาญในการอ่านแผนที่ ของเมืองไทยเลยทีเดียว นับว่าเป็นผู้มีความสามารถสูง และเป็นอดีตข้าราชการระดับรองอธิบดีป่าไม้ซะด้วย.....

        แต่แล้ว........วันหนึ่งเมื่อเดือน พ.ย. 2558 ก็มีข่าวฉาวโฉ่ น่าละอาย อัปยศอดสูใจยิ่งนัก ของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน คนนี้ถูกไล่ออกจากข้าราชการ ในความผิดร้ายแรง นับเป็นการลงดาบเชือดข้าราชการขั้นร้ายแรงทีเดียว ....ติดตามจากข่าว




“ กระทรวงทรัพยากรฯ ลงดาบเชือด “วิฑูรย์ ชลายนนาวิน” รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ โทษหนักถึงไล่ออก เหตุทำให้ราชการเสียหายจากการแปรภาพถ่ายเอื้อประโยชน์เอกชน ออกโฉนดที่ดินหาดฟรีดอมบีช จ.ภูเก็ต และหาดเจ้าไหม จ. ตรัง...” 
(อ่านต่อที่ :http://www.thairath.co.th/content/338202)

“เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ได้มีคำสั่งให้ไล่ออกนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้และอดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จากความผิดทำให้ราชการเสียประโยชน์จากการแปลภาพถ่ายทางอากาศบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ให้เอกชนนำไปออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เป็นความผิดตามมาตรา 85 (1) มีหน้าที่ราชการ แต่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบของทางราชการจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ มาตรา 85 (4) กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง...” 
(อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/359023)

        จากข่าวข้างต้น จะถูก ผิด ดี ชั่ว อย่างไรนั้นก็เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมที่จะสืบสวนให้ความจริงปรากฏต่อไป.....แต่ ณ วันนี้ เรามาฟังเสียงของความคิด ความรู้สึก ซึ่งเป็นมุมมองของสังคมบางส่วนต่อประเด็นนี้ 

ชาวโซเชียล คอมเม้นต์ถล่มเพี้ยบ...รวมคำพูดชาวเน็ตฝากถึงอดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออก...ที่ชื่อว่า "วิฑูรย์ ชลายนนาวิน"

Opinion1: คนเช่นนี้ อดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออกจะมามีเครดิต ความน่าเชื่อถือในเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างไร?...หมดศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือแล้ว...ใครหนอช่างมีวินิจฉัยอัปยศที่เลือกเอาคนมีประวัติเสียหายมาทำเรื่องนี้?

Opinion2: คนไม่ผิด จะให้จับได้อย่างไร ??? ให้ "ข้าราชการ" ที่โดน "ไล่ออก" จากการ "ทุจริต" มา "เซ็นต์" ออกเอกสารว่า "รุกล้ำ" ป่าสงวน.???? มันถูกตรงไหน ?? กลับไปเถอะ


Opinion3:  ไม่รู้ว่าขบวนการยุติธรรมประเทศสารขันธ์เขาเป็นอย่างไรแต่ที่แน่ๆ คือเอาคนที่เคยทำผิดมหันต์ที่โดนไล่ออกจากราชการแล้วเอามาใช้งานเพื่อจะหาคนรับผิดแทนหรือไงใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์แลกกับตำแหน่งบอกได้เลยในประเทศนี้ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้วค่อยไปชดใช้กรรมเอาเองแล้วกัน

Opinion4: ไม่อยากเชื่อแต่ก็เป็นความจริงไปแล้วครับ เอาคนทุจริตถูกไล่ออกจากราชการมาชี้พื้นที่รุกป่าเพื่อยัดเยียดข้อหาใช่มั้ย เพราะทำงานกันอย่างนี้ชาติบ้านเมืองถึงไม่เจริญสักที

Opinion5: ขนาดตัวเองยังไม่ดีเลย แล้วจะเอาอะไรมาตัดสินคนอื่นว่าเขาดีหรือไม่ มาตราฐานจากไหนมาวัด?

Opinion6:  ถูกไล่ออกแล้วยังมีอำนาจหน้าที่ในการเซ็นต์เอกสารได้ด้วยเหรอคะ แล้วมีผลบังคับใช้ได้ด้วยหรือ งงยิ่งกว่าไก่ตาแตกเลยนะเนี่ยหรือว่าถ้าทำสำเร็จแล้วจะได้ตำแหน่งคืนเป็นการแลกเปลี่ยน

Opinion7: เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกให้ออกถือว่าหมดหน้าทีปฏิบัติหน้าที่ ป่าไม้ไม่ควรให้คุณวิฑูรย์มา ไม่ได้เกี่ยวข้องถือว่าไม่น่าเชื่อถือนะคะ ทำอะไรต้องถูกต้องเป็นธรรม

Opinion8:  นี่คือความจริงใจ นี่คือความยุติธรรม นี่คือมาตรฐานของหน่วยงานที่รับผิดชอบคดีนี้มอบให้วัดพระธรรมการหรือ #ยุติธรรมหรือกลั่นแกล้ง



Opinion9:  ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังเศร้าโศก ภาครัฐก็ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนจงใจจะเอาผิดกับวัดพระธรรมกายให้ได้ การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อใครกันแน่ อยากให้มีศีลธรรมในใจกันบ้าง แค่นี้ประชาชนก็ทุกข์กันมากพอแล้ว อย่าซ้ำเติมด้วยการทำร้ายวัด ทำร้ายพระ ทำลายพระพุทธศาสนาอีกเลยค่ะ

Opinion10:  กรมตับแตก กับคนที่ถูกให้ออกจากราชการ มาเป็นพยานแบบนี้มันจะยุติธรรมเหรอ

Opinion11: อาหารหมดอายุกินเข้าไปก็อันตราย ข้าราชการหมดอายุราชการเพราะมีความผิดถูกไล่ออกก็ยิ่งอันตราย ให้ทำงานราชการอีกได้หรือ จะเชื่อถือได้อย่างไร

Opinion12: คนที่โดนไล่ออกแล้ว เซนต์เอกสารมันถูกต้องหรือค่ะ ใครจะไปเชื่อค่ะคุณตำรวจ มันยุติธรรมไหม นี่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม

Opinion13: #ระวังนะคุณลุงถูกหลอกใช้รึเปล่าคะ..?
เด่วเขาหลอกให้มาชี้แผนที่มั่วๆ..#เพื่อจะทำลายพระผู้บริสุทธิ์
พอเสร็จคุณลุงอาจจะติดคุกต่อ..และตายคล้ายๆกับ.คดี.#ถุงเท้า ..#บานพับ..#ตับแตกนะ..เพราะคุณลุงยังมีคดีติดตัวอยู่นะคะ #โปรดระวังอย่าเล่นกับไฟนรก



Opinion14: เอาคนที่โดนไล่ออกแล้วมาการันตีมาเซ็นมันน่าเชื่อถือได้ได้อย่างใรกัน ต้องยึดทรัพย์สินวัดและสถานที่ที่ึเกี่ยวข้องวัดต้องฟ้องต้องเอาผิดอย่างงั้นหรือถูกต้องยุติธรรมเงิบ จริงๆเจ้าหน้าที่ยุคคืนความสุขให้ประชาชนไหม

Opinion15:  ถ้าทำผิดมันก็สร้างไม่ได้ตั้งแต่ต้นแล้ว นี่อะไร ประหลาดดดด-------ประชาชนตั้งข้อสงสัย ก่อนหน้านี้ เวิลด์พีซก็ไม่ได้มีความผิดอะไร พอเอาอดีตข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ถูกไล่ออกจากราชการเข้ามาชี้ปุ๊บ ผิดปั๊บเลย .....................แบบนี้ก็ได้หราาาาาาาาาาาาาา

Opinion16:  World peaceเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สร้างให้ทุกคนมาปฏิบัติธรรม มีฉโนดถูกต้อง มีใบอนุญาติสร้างถูกต้อง เคยได้ไปปฏิบัติธรรมหลายครั้ง เป็นที่เหมาะสมกับการปฏิบัติธรรม เงียบสงบ ดูจากพื้นที่จริงเป็นที่ชุมชนมีหมู่บ้านอยู่รอบ world peace เรียกว่าชุมชนใหญ่เลย ไม่ไช่ป่าสงวนเลย หลวงพ่อสร้างเพื่อทุกชนชาติจริง
แสงอรุณ ชานเมือง คนล้มละลายหมดความหมายทางด้านเศรษฐกิจ คนถูกไล่ออกยังมีสิทธิ์ ชี้ถูกชี้ผิดเรื่องของชาวบ้านได้อีกหรือ?

                                  เป็นต้น & ฯลฯ



                                             ด้วยความจริงใจและปรารถนาดี
เพราะเราก็ต่างเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกัน....กลับตัวกลับใจขณะยังมีลมหายใจ...ยังไม่สายนะท่านวิทูรย์

ขอบคุณข้อมูลทุกความเห็นจาก https://www.facebook.com/DawKhongGoo/posts/1765668783683368:0

2 ความคิดเห็น:

เจาะลึกตำนานลอยกระทง...ทำไมกระทงส่วนใหญ่เป็นรูปดอกบัว?

04:56 Mali_Smile1978 0 Comments


        วันลอยกระทงตรงกับคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง และเป็นช่วงที่น้ำหลากเต็มตลิ่ง  สำหรับปีนี้วันลอยกระทงตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยจะนำดอกไม้ ธูปเทียนหรือสิ่งของใส่ลงในสิ่งประดิษฐ์รูปต่างๆ ที่ไม่จมน้ำ เช่น กระทง เรือ แพ ดอกบัว เป็นต้น แล้วนำไปลอยตามลำน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์และความเชื่อต่างๆ กัน เช่น 

@@@ การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
@@@  เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานที (ปัจจุบันคือ แม่น้ำเนรพุททาในอินเดีย) เมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
@@@ เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
@@@ เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
@@@ เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล
@@@ เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
@@@ เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร  
@@@ หรือบางท้องถิ่น ก็จะทำเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ หรือสะเดาะเคราะห์ หรือลอยทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ และส่วนใหญ่จะอธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนาด้วย เป็นต้น 
       
        ประเพณีลอยกระทงไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศจีน อินเดีย เขมร ลาว และพม่าก็มีการลอยกระทงคล้ายๆ กับบ้านเรา จะต่างกันบ้างคงเป็นเรื่องรายละเอียด พิธีกรรม และความเชื่อในแต่ละท้องถิ่น



ทำไมถึง ลอยกระทง
        การลอยกระทง เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนแน่ชัดว่าปฏิบัติกันมาแต่เมื่อไร แต่ละท้องถิ่นก็มีจุดประสงค์และความเชื่อในการลอยกระทงแตกต่างกันไป วันนี้ขอเล่าถึงคติความเชื่อการลอยกระทงที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา ดังนี้

@@@ โดยเรื่องแรกเชื่อว่า มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธ กล่าวคือก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา วันหนึ่งนางสุชาดาอุบาสิกาได้ให้ชาวใช้นำข้าวมธุปายาส ใส่ถาดทองไปถวาย เมื่อพระองค์เสวยหมดแล้วก็ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้าหากวันใดจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ก็ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ ด้วยแรงสัตยาธิษฐานและบุญบารมี ถาดก็ลอยทวนน้ำไปจนถึงสะดือทะเล แล้วก็จมไปถูกขนดหางพระยานาคผู้รักษาบาดาล



        พระยานาคตื่น พอเห็นว่าเป็นอะไร ก็ประกาศก้องว่า บัดนี้ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกอีกองค์แล้ว ครั้นแล้วเทพยดาทั้งหลายและพระญานาคก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และพระญานาคก็ขอให้พระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้บนฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อพวกเราจะได้ขึ้นมาจะได้ถวายสักการะได้ ส่วนสาวใช้ก็นำความไปบอกนางสุชาดา ครั้นถึงวันนั้นของทุกปี นางสุชาดาก็นำเครื่องหอมและดอกไม้ใส่ถาดไปลอยน้ำเพื่อไปนมัสการรอยพระบาทเป็นประจำสม่ำเสมอ และต่อๆ มาก็ได้กลายเป็นประเพณีลอยกระทงตามที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
        ในเรื่องการประทับรอยพระบาทนี้บางแห่งก็ว่า  พญานาคได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปแสดงธรรมเทศนาในนาคพิภพ เมื่อจะเสด็จกลับพญานาคได้ทูลขออนุสาวรีย์จากพระองค์ไว้บูชา พระพุทธองค์จึงได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้ที่หาดทรายแม่น้ำนัมมทา และพวกนาคทั้งหลายจึงพากันบูชารอยพระพุทธบาทแทนพระองค์ ต่อมาชาวพุทธได้ทราบเรื่องนี้จึงได้ทำการบูชารอยพระบาทสืบต่อกันมาโดยนำเอาเครื่องสักการะใส่กระทงลอยน้ำไป



@@@  ส่วนที่ว่าลอยกระทงในวันเพ็ญเดือน ๑๑ หรือออกพรรษาเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาสู่โลกมนุษย์  หลังจากจำพรรษา ๓ เดือน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดานั้น ด้วยวันดังกล่าว เหล่าทวยเทพและพุทธบริษัทพากันมารับเสด็จนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยเครื่องสักการบูชา และเป็นวันที่พระพุทธองค์ได้เปิดให้ประชาชนได้เห็นนรก สวรรค์ ด้วยฤทธิ์ของพระองค์ คนจึงพากันลอยกระทงเพื่อเฉลิมฉลองรับเสด็จพระพุทธเจ้า

@@@ สำหรับคติที่ว่าการลอยกระทงตามประทีปเพื่อไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ว่าเป็นเพราะตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกบวชที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเกศาโมลีขาดลอยไปในอากาศตามที่ทรงอธิษฐาน พระอินทร์จึงนำผอบแก้วมาบรรจุไว้แล้วนำไปประดิษฐานไว้ในจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งทางเหนือของไทยเรามักจะปล่อยโคมลอยหรือโคมไฟ ที่เรียกว่า ว่าวไฟ ขึ้นไปในอากาศเพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีด้วย



@@@ ตำนานการลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์ เป็นประเพณีของชาวเหนือและชาวพม่า พระอุปคุตต์เป็นพระอรหันต์เถระหลังสมัยพุทธกาลโดยมีตำนานความเป็นมา คือเมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ  “อโศการาม”  ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแคว้นมคธ หลังจากที่สร้างพระสถูปเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์สำเร็จแล้ว
        พระเจ้าอโศกทรงมีพระราชประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปบรรจุในพระสถูปต่างๆ และบรรจุในพระมหาสถูปองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่มีความสูงประมาณครึ่งโยชน์และประดับประดาด้วยแก้วต่างๆ ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาใกล้ปาฏลีบุตร อีกทั้งต้องการให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน  แต่ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทำลายพิธีฉลอง มีเพียงพระอุปคุตต์ที่ไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลเพียงท่านเดียวเท่านั้นที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตต์ปราบพญามารจนสำนึกตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว พระอุปคุตต์จึงลงไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลตามเดิม พระอุปคุตต์นี้คนไทยเรียกว่า  “พระบัวเข็ม”



ทำไมกระทงส่วนใหญ่เป็นรูปดอกบัว

        ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย กล่าวกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยประมาณ 700 ปีมาแล้ว ประมาณ พ.ศ. 1800 โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์ "กระทง" ขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่า พิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป นางนพมาศ ซึ่งเป็นสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ได้กล่าวกันว่า วันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นเวลาเสด็จประพาสลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน และไดมีรับสั่งบรรดาพระสนมนางในทั้งหลายตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียน นำไปลอยน้ำหน้าพระที่นั่ง 



        ในคราวนั้นท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือนางนพมาศได้คิดประดิษฐ์กระทงรูปกมุทขึ้น ด้วยเห็นว่าเป็นดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้งในวันดังกล่าว สมควรทำเป็นกระทงแต่งประทีป ลอยไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อพระร่วงได้ทอดพระเนตรเห็นก็ทรงถามถึงความหมาย นางก็ได้ทูลอธิบายเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงมีพระราชดำรัสว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้นำโคมลอยดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน ” ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นโคมลอยรูปดอกบัวปรากฏมาจนปัจจุบัน



การลอยกระทงในปัจจุบัน
        การลอยกระทงในปัจจุบันนั้นยังคงรักษารูปแบบเดิมนั้นเอาไว้ได้ตามสมควร และเมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน ๑๒ ชาวบ้านก็จะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาได้ง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วย ดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงที่สวยงาม แล้วปักธูปเทียนและดอกไม้ต่างๆ และเครื่องสักการบูชา ก่อนที่จะทำการลอยในแม่น้ำนั้นก็จะอธิษฐานในสิ่งที่ได้มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา ตามวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่งจะมีการประกวดกระทง การประกวดนางนพมาศ และจะมีมหรสพสมโภชตลอดทั้งคืน 

        การลอยกระทงของเราชาวพุทธที่จะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น เราควรมีวัตถุประสงค์ที่จะอยากให้ลอยบาป ลอยสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจ สิ่งที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจซึ่งกันและกันให้หมดสิ้นไป ให้เหลือแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้มีความรัก มีความสามัคคี ในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและทุกคนในชาติ


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
1.http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=phimaidamrong&group=8
2.http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/buddhism_club/file/loykrathong.pdf
3. http://attempt.exteen.com/20091017/entry-1
4.ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/TKpLsI

0 ความคิดเห็น:

ข้าวน่ะสวยแต่ชีวิตชาวนาไม่ค่อยสวยในยุคนี้

05:14 Mali_Smile1978 0 Comments

ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/YpQ0g3

        ชีวิตชาวนา กระดูกสันหลังของชาติ ซึ่งเป็นอาชีพเก่าแก่มาแต่โบร่ำโบราณที่ปลูกข้าวเลี้ยงผู้คนทั้งชาติให้อยู่รอดมาจวบจนปัจจุบันชีวิต ที่ผ่านมาก็ดูอยู่รอด ปลอดภัยมาได้เรื่อยๆ แต่มาวันนี้สถานการณ์ราคาข้าวที่จมดิ่ง ตกต่ำ ยิ่งซ้ำเติมชีวิต ตอกย้ำความจนเข้าไปอีก จนเมื่อไม่กี่วันผ่านมาได้ยินข่าวที่น่าสลดเศร้าใจยิ่ง ชาวนาผูกคอตายหนีปัญหา เพราะเครียดจากราคาข้าวตกต่ำและหนี้สินท่วมตัว (http://news.voicetv.co.th/thailand/428751.html) ชาวนาบางมูลนากเครียดเรื่องราคาข้าวตกต่ำ ตัดสินใจผูกคอตายกลางทุ่งนา ญาติเผยทำนา 80 กว่าไร่ หนี้สินเกือบล้านคาดเครียดจัดจนเป็นเหตุให้ตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง

        วันนี้ขอพูดในฐานะเป็นลูกชาวนาคนหนึ่ง เกิดแถบอีสานเหนือ ได้สัมผัสชีวิตทุ่งนาเขียวขจีในยามฤดูเข้าพรรษา พอถึงช่วงออกพรรษาจะเริ่มเห็นต้นข้าวเหลืองอร่าม ดั่งทะเลสีทอง ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่สับสน ไม่ซับซ้อน มีความสุขใจยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อได้วิ่งเล่นบนคันนาในท่ามกลางท้องทุ่งยามเช้าตรู่และยามเย็น 

        จริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาของชาวนาส่วนใหญ่พวกเขาก็ไม่ต้องการอะไรเยอะแยะหรอก เช่น ชาวนาไม่ได้เรียกร้องต้องการมีบ้านหรู มีรถราคาสูงขับ มีหน้าตาชื่อเสียงในสังคม แต่แก่นแท้เบื้องต้นที่ชาวนาอยากได้ คือ ไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัวจากค่าปุ๋ย มีข้าวเก็บไว้ยุ้งฉางเพื่อเอาไว้กินไว้ใช้อยู่อย่างพอเพียงและมีความสุขตลอดปี หรือพอมีเงินทุนสำรองไว้ใช้ทำนาไถหว่านในฤดูกาลปีต่อไป



        แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ชะตาชีวิตชาวนาช่างเหมือนโดนถูกซ้ำเติม ทำงานหนักเหนื่อยท่ามกลางสายฝนและแสงแดดมาแรมปี หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต คือเมล็ดข้าวทุกเม็ดที่หลุดออกจากร่วง มันหมายถึงชีวิตและความอยู่รอดของพวกเขา รวมทั้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะข้าว คืออาหารหลักของชีวิต

'ประยุทธ์' ระบุการแก้ปัญหาราคาข้าว จะดีด้วยเงินรัฐบาลอุดหนุนอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ ย้ำไม่ต้องมีเงินไว้เตรียมทำอย่างอื่นหรอ ? (อ่านต่อ news.voicetv.co.th/thailand/428631.html)
        จากข่าวดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้ารู้สึกเข้าใจและเห็นใจรัฐบาลอย่างยิ่งที่ต้องแก้ปัญหาที่สำคัญหลายอย่างมากมายในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม “เรื่องราคาข้าวตกต่ำ” เป็นเรื่องเกี่ยงข้องกับปากท้องของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องปัจจัยสี่ สำคัญจำเป็นต่อพื้นฐานของชีวิต ขอวิงวอนท่านนายกที่เคารพได้ช่วยจัดอันดับปัญหานี้เป็นปัญหาต้นๆ และเร่งด่วนด้วยค่ะ 

คนเราเห็นน้ำจิตน้ำใจกันตอนตกยาก
        หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน สมาคม ศิลปินดาราและอื่นๆ ร่วมใจกันช่วยเหลือชาวนาที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ช่วยรับซื้อข้าวและจัดสถานที่วางขายข้าวฟรี ยกตัวอย่างเช่น

>>> ปั้มน้ำมัน ปตท. สาขาเรณูนคร จ.นครพนม เปิดพื้นที่บริการจำหน่ายข้าวช่วยชาวนา สนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่ สามารถนำข้าวสารมาวางขายฟรี เพิ่มช่องทางการตลาด...ซึ่งจะมีการบรรจุถุงมาวางขาย ประมาณถุงละ 1 กิโลกรัม ราคาที่กิโลกรัมละประมาณ 25 – 30 บาท แล้วแต่ชนิด...



>>> มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ โดย คณะวิทยาจัดการ เริ่มโครงการ “ลูกชาวนาขายข้าว” โดยมีนักศึกษามาร่วมกันบรรจุข้าวสารลงใส่ในถุงพลาสติก เพื่อส่งจำหน่ายให้ผู้บริโภค สำหรับข้าวหอมมะลิอินทรีย์ บรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม ราคา 25 บาท และบรรจุถุงละ 5 กิโลรัม ราคา 125 บาท...

>>> บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสวนหนึ่งในการช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ โดยวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ได้เปิดพื้นที่ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์นำข้าวที่ไปรับซื้อจากชาวนาโดยตรงมาสี บรรจุถุงแล้วจำหน่ายให้ผู้บริโภคให้ได้เลือกซื้อข้าวพันธุ์ดี มีคุณภาพจากชาวนาโดยตรง  http://www.tnamcot.com/content/588027

>>> กองทัพบก ขานรับคำสั่ง "บิ๊กตู่" จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูปัญหาชาวนาทั่วประเทศ พร้อมรับซื้อข้าวเลี้ยงกำลังพลทั่วประเทศ ที่มีประมาณ 1 แสนนาย ปริมาณขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่...อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/771742



>>> 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ขายข้าวสารหอมมะลิโลละ 20 บาท ที่ซื้อมาจากชาวนาและนำมาฝากขายที่หน้าห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ (อ่านต่อ http://news.voicetv.co.th/thailand/429003.html)



>>> มธ.รังสิต เปิดพื้นที่ให้ชาวนาขายข้าวสารอินทรีย์ ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ทุกวันพุธ หลังข้าวราคาตกต่ำ ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ต่อแถวเข้าซื้อข้าวราคาถูกกว่าท้องตลาด...อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/771672



>>> ดารารวมใจช่วยชาวนา!! ‘จั๊กจั่น’ประกาศออกแบบโลโก้ข้าว ‘ป๋อ’เปิดพื้นที่ให้ขายข้าว...
        ขอเป็นอีกแรงช่วยชาวนาที่ราคาข้าวตกต่ำ ถึงกับต้องออกมาขายข้าวเอง เมื่อดาราสาว ช่อง7 จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ โพสต์ในไอจีของตัวเอง ประกาศรับออกแบบโลโก้ข้าวให้พี่ชาวนาฟรี https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_77812



>>> ทางวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ได้เชิญชวนญาติโยมสาธุชนซื้อข้าวช่วยชาวนา หรือไปถวายวัดใกล้ บ้าน หรือ มาถวายที่วัดพระธรรมกาย เพื่อเลี้ยงพระและสาธุชน ที่มาปฏิบัติธรรม ทุกวันๆละ 10,000 กว่าคน รวมทั้งผลิตอาหารนำไปแจกประชาชนที่เดินทางไปถวายสักการะ พระบรมศพฯ จำนวน 3,000-5,000 ชุด ณ ท้องสนามหลวง https://www.facebook.com/Dhammakaya.news/

        ข้าพเจ้าในนามตัวแทนลูกชาวนาคนหนึ่งรู้สึกซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจอย่างยิ่งของเพื่อนพี่น้องชาวไทย ทุกหน่วยงาน ทุกสมาคม ทุกสาขาอาชีพที่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจและยืนมือมาช่วยเหลือชาวนายามวิกฤตเช่นนี้ ถ้าคิดในทางกลับกันถือเป็นโอกาสที่พวกเราจะได้ตอบแทนพระคุณข้าวแต่ละเม็ดที่มาปรากฏบนจานของทุกท่านในแต่ละมื้อแต่ละอิ่ม...คุณไม่ลืมชาวนา ชาวนาก็จะไม่ลืมทุกคนเช่นกัน




เราใช้คนเกี่ยว...พวกเขาคนนั้น “ชาวนา” ต้องเสียเหงื่อกี่ล้านหยดเพื่อให้ได้ข้าวมาเลี้ยงคนทั้งประเทศหรือทั่วโลก





0 ความคิดเห็น:

“ซ่าง” คืออะไร? ใช้เพื่ออะไร? ในงานพระราชพิธี

04:35 Mali_Smile1978 0 Comments

ซ่าง
ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/Vy5VaA

        หลักฐานที่กล่าวถึงการจัดพระราชพิธีพระบรมศพที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ปรากฏอยู่ในหนังสือไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง หนังสือวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาเล่มแรกของชาติไทย พระมหาธรรมราชาที่ ๑ พญาลิไทยแห่งกรุงสุโขทัย ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีระกา  พุทธศักราช ๑๘๘๘ พรรณนาการจัดการพระศพพระยามหาจักรพรรดิราช


อีกมุมของซ่าง
ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/yeI49J

        วันนี้เรามารู้จักอาคารประกอบของพระเมรุมาศ และพระเมรุ เพราะนอกจากพระเมรุมาศ พระเมรุ ซึ่งเป็นประธานภายในตั้งพระจิตกาธานสำหรับประดิษฐานพระโกศพระบรมศพ พระศพแล้ว ยังมีอาคารประกอบอื่นๆ รวมทั้งปริมณฑลโดยรอบ ซึ่งอาคารที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ซ่าง/ ส้าง หรือ สำส้าง
        “คด” คือ ศาลาแสดงบริเวณเขตล้อมรอบพระเมรุมาศ มีทางเข้าออก ๔ ทาง มุมคดที่ทำเป็นมุมฉาก เรียกว่า “ซ่าง” ซึ่งนิยมทำเป็น “เรือนยอด”
        พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า “ซ่าง” ที่ยกพื้นไว้สูงสำหรับพระสงฆ์นั่งสวดอภิธรรมอยู่ ๔ มุมเมรุ เรียกว่า “สำซ่าง” หรือ “คดซ่าง” หรือ “สร้าง” ก็เรียก ซ่าง คือ ศาลาตรงมุมฉากของคดทั้งสี่มุมสำหรับพระสงฆ์สวดอภิธรรม


พระนั่งสวดพระอภิธรรมบนซ่าง
ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/SK2jHT


        โดยสรุปแล้ว ซ่าง เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมหลังคายอด สร้างขึ้นตามมุมทั้งสี่ของพระเมรุมาศ มีจำนวน ๔ หลัง อยู่ที่มุมติดกับรั้วราชวัติ ๒ หลัง และที่มุขด้านทิศเหนือและทิศใต้อย่างละ ๑ หลัง ใช้เป็นที่สำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตั้งแต่พระโกศพระบรมศพ พระศพประดิษฐานบนพระจิตกาธาน จนกว่าจะถวายพระเพลิงเสร็จ คือจะมีพระพิธีธรรม ๔ สำรับ นั่งอยู่ประจำซ่าง โดยจะผลัดกันสวดทีละซ่างเวียนกันไป


ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/Z30CWK

        ยกตัวอย่างเช่น งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี   ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง  ทางสถาปนิก ยังได้ออกแบบซ่าง  ซึ่งเป็นอาคารเล็กๆ อยู่ ๔ มุม บนฐานชาลาของพระเมรุ เพิ่มขึ้นมา โดยซ่างทั้ง ๔ หลังดังกล่าว ใช้สำหรับเป็นที่นั่งสำหรับพระสงฆ์ ในการสวดพระอภิธรรมตลอดระยะเวลาที่อัญเชิญพระโกศขึ้นพระเมรุ คือ ตั้งแต่เวลาประมาณเวลา ๑๒ น.วันที่ ๙ เมษายน จนกระทั่งถึงเช้าวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕  ในช่วงที่มีพระราชพิธีตลอดรายการ  ทั้งนี้ ใน ซ่าง ๑ หลัง  จะมีพระสงฆ์นั่งอยู่  ๔ รูปทั้งมดจำนวน ๑๖ รูป  สวดพระอภิธรรมต่อเนื่องกันไปตลอดเวลา  
        ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีเรื่องน่ารู้ น่าสนใจเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมศพ อีกหลายอย่างที่น่าศึกษาและชาวไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จัก....


ขอบคุณข้อมูอ้างอิง
1.https://www.thaitux.info/dict/words=%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99
2.https://goo.gl/owtzU7
3.http://data.bn.ac.th/doc/pdf/princessgalyani/karayalai_ebook.pdf
4.http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333548676

0 ความคิดเห็น:

พระอภิธรรมทำนองหลวง สวดอย่างไร? หลายคนไม่คุ้นหู ไม่รู้จัก

06:06 Mali_Smile1978 0 Comments

ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/G9WNhn 

        เหตุที่ต้องมีการสวดพระอภิธรรมนั้น พระอรรถกถาจารย์ได้รจนาไว้ว่า ในพรรษาที่ ๗ สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จไปแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อาศัยพระพุทธกตัญญูกตเวทิตาธรรมเป็นคติธรรม บุรพชนไทยจึงกำหนดให้มี "การสวดพระอภิธรรมในงานศพ"
        หลายท่านที่รับฟังพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ คงจะสังเกตได้ว่า เสียงของการสวดนั้นแปลกหูกว่าการสวดตามงานศพทั่วไป ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการสวดพระอภิธรรมในพระราชวังนั้น จะสวดคนละทำนองกับของประชาชนทั่วไป เรียกว่า "ทำนองหลวง"
        ตามจารีตนิยมที่ถือสืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณีที่ยอมรับทุกยุคทุกสมัย ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่โบราณกาล ในพิธีการต่างๆ จะต้องอาราธนาพระสงฆ์ผู้อุปสมบท ประพฤติปฏิบัติตนตามหลักพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเนื้อนาบุญของชาวโลกที่รองรับวัตถุทานอันผู้มีศรัทธาบริจาคเพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ตนและหมู่ญาติ ตลอดจนหมู่ชนทั้งหลายผู้ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้ว
        “ พระพิธีธรรม ” เป็นตำแหน่งของพระสงฆ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดให้พระราชาคณะผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในพระอารามหลวงคัดเลือกพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในพระอารามนั้นๆ ทำการฝึกหัดสวดพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ โดยใช้ทำนองสวดจะต่างไปจากทำนองสวดศพบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นทำนองร้อยแก้ว หรือไม่ก็เป็นทำนองสังโยค 
        พระอารามหลวงทั้ง ๑๐ แห่ง ที่มีการแต่งตั้งพระพิธีธรรมมาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๔ คือ ๑. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ๒. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ๓. วัดสุทัศนเทพวราราม ๔. วัดจักรวรรดิราชาวาส ๕. วัดสระเกศ ๖. วัดระฆังโฆสิตาราม ๗. วัดประยุรวงศาวาส ๘. วัดอนงคาราม ๙. วัดราชสิทธาราม ๑๐. วัดบวรนิเวศวิหาร
        พระพิธีธรรม คือ พระสงฆ์จำนวน ๔ รูป ในพระอารามหลวง ๑๐ แห่งดังกล่าว ที่เจ้าอาวาสมอบหมายให้เป็นผู้สวดพระอภิธรรม ทำนองหลวง ปกติแต่ละพระอารามจะมีพระพิธีธรรม ๑ สำรับ (๔ รูป) แต่ในทางปฏิบัติจะมีการจัดพระสงฆ์ สำรองไว้ ๑ สำรับ เพื่อไว้แทนสำรับหลักของพระอารามในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้



         พระพิธีธรรมจะสวดพระอภิธรรมในทำนองหลวง ซึ่งมีลักษณะคล้ายการสวดมหาชาติคำหลวง คือสวดเป็นทำนอง มีเม็ดพรายในการสวดที่แตกต่างกันไปทั้งหลบเสียง เอื้อนเสียง ลีลาในการสวดพระอภิธรรมจะเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละวัด ในปัจจุบันนี้ การสวดพระอภิธรรมแบบหลวงมี ๔ ทำนอง คือ

๑) ทำนองกะ แยกเป็น ๒ ลักษณะ คือ กะเปิด เป็นการสวดที่เน้นการออกเสียงคำสวดชัดเจน และกะปิด เป็นการสวดที่เน้นการสวดเอื้อนเสียงยาวต่อเนื่องกันตลอดทั้งบท ไม่เน้นความชัดเจนของคำสวด วัดที่สวดทำนองนี้ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
๒) ทำนองเลื่อนหรือทำนองเคลื่อน ได้แก่ การสวดที่ว่าคำไม่เน้นความชัดเจนของคำสวด และเอื้อนเสียงทำนองติดต่อกันไปโดยไม่ให้เสียงขาดตอน วัดที่สวดทำนองนี้ เช่น วัดระฆังโฆสิตาราม
๓) ทำนองลากซุง ได้แก่ การสวดที่ต้องออกเสียงหนักในการว่าคำสวดทุก ๆ ตัวอักษรเอื้อนเสียงทำนองจากหนักแล้วจึงแผ่วลงไปหาเบา วัดที่สวดทำนองนี้ เช่น วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
๔) ทำนองสรภัญญะ ได้แก่ การสวดที่ว่าคำสวดชัดเจนและมีการเอื้อนทำนองเสียงสูง-ต่ำไปพร้อมกับคำสวดนั้น ๆ วัดที่สวดทำนองนี้ เช่น วัดบวรนิเวศวิหาร
 
ขอบคุณภาพจาก https://goo.gl/Tt8ZsP

        
        บทสวดพระอภิธรรม จะใช้บทมหานมัสการ บทพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ และบทพระธรรมใหม่ ซึ่งเป็นบทพระบาลีที่เป็นบทพระธรรมจริงๆ และเป็นภาษาอินเดียโบราณซึ่งฟังเข้าใจยาก สำหรับท่านที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ในด้านนี้ บทพระธรรมที่ใช้สวดนั้น โดยบทพระธรรมใหม่ ได้แก่บทสวดที่ขึ้นต้นด้วยบทว่า อาสวา ธมฺมา.... และ สญฺโญชนา ธมฺมา...ใช้สวดคู่กับบทพระธรรม ๗ คัมภีร์ซึ่งเป็นของเดิม คือ
๑. บทธัมมสังคณี ว่าด้วยธรรมที่รวมเป็นหมวดหมู่ แล้วแยกเป็นธรรมเป็นกุศล ธรรมเป็นอกุศล และธรรมเป็นอัพพยากฤต(ธรรมที่ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นอกุศล และธรรมที่ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล)
๒. บทวิภังค์ ว่าด้วยธรรมที่แยกกันเป็นข้อๆ เช่น ขันธ์ ๕ แยกออกเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
๓. บทธาตุกถา ว่าด้วยธรรมจัดระเบียบความสัมพันธ์โดยถือธาตุเป็นหลัก เช่น ธรรมที่สงเคราะห์เป็นหมวดกันได้และไม่ได้
๔. บทปุคคลกถา ว่าด้วยบัญญัติ ๖ ชนิด แสดงรายละเอียดเฉพาะบัญญัติอันเกี่ยวกับบุคคล
๕. บทกถาวัตถุ ว่าด้วยคำถาม คำตอบในหลักธรรมประมาณ ๒๑๙ หัวข้อ เพื่อถือเป็นหลักในการตัดสินพระธรรม
๖. บทยมกะ ว่าด้วยธรรมที่รวบรวมแสดงเป็นคู่ๆ เช่น ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นมีเหตุเป็นอันเดี่ยวกันกับกุศลใช่ไหม?
๗. บทปัฏฐาน ว่าด้วยปัจจัย คือ สิ่งที่เกื้อกูลสนับสนุนกันให้ธรรมอื่นเกิดขึ้น




       
        พระสงฆ์ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นพระพิธีธรรม เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นผู้มีวิริยะอุตสาหะในการฝึกซ้อมสวดพระอภิธรรมทำนองหลวง และทรงจำลีลาการสวดตามแบบที่บุรพาจารย์ในพระอารามได้กำหนดไว้ เพราะการสวดพระอภิธรรมทำนองหลวงจะไพเราะและยังความศรัทธาให้เกิดขึ้นได้ ย่อมเกิดจากการสวดที่พร้อมเพรียงกัน มีสามัคคี แห่งเสียงที่รวมเป็นหนึ่ง จังหวะเอื้อนเสียง หยุดหายใจ จะพรักพร้อมตลอดการสวด ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป



        พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเครื่องประกอบเกียรติยศที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถวายพระศพหรือแก่ศพในพระบรมราชานุเคราะห์ ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรนอบนำจิตมาไว้ภายในตัว ประคองจิตให้สงบเป็นสมาธิ ขณะฟังสวดพระอภิธรรม แสดงถึงความเคารพต่อพระธรรม ท่านทั้งหลายย่อมได้รับอานิสงส์แห่งการฟังธรรมตามกาล ย่อมประสบความสุข ความเจริญ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสืบไป


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
1.http://www.watrakang.com/pitetham.php
2.https://www.facebook.com/dr.sinchai.chaojaroenrat/posts/1253064868072360:0
3.http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9510000012939
4.ภาพจาก https://goo.gl/G9WNhn 
5.https://goo.gl/V27n7Q

0 ความคิดเห็น: