ปัญหาซึมลึก ภายในศาสนจักร เนื่องแต่ ‘พศ.’ : ปัญหาระหว่าง “มส.” กับ “พศ.” ได้เกิดขึ้นจริง...ใครที่เป็น “พุทธ” ย่อมบังเกิดอาการ “หวาดเสียว”
![]() |
ที่มา https://www.matichon.co.th/news/618002
ไม่ว่าจะมองตามหลักแห่ง “สภาวธรรม” ไม่ว่าจะมองผ่านกระบวนการแห่ง “อริยสัจ 4” ความจริงอันประเสริฐ
|
ปัญหาระหว่าง “มส.” กับ “พศ.” ได้เกิดขึ้นจริง
หากมองจากความเป็นจริงที่ มส. คือมหาเถรสมาคม หากมองจากความเป็นจริงที่ พศ. คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ใครที่เป็น “พุทธ” ย่อมบังเกิดอาการ “หวาดเสียว”
เพราะตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่ว่าที่ประกาศและบังคับใช้เมื่อ พ.ศ.2505 ไม่ว่าที่ประกาศและบังคับใช้หลังจากแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ.2535
ระบุความรับผิดชอบของ “พศ.” เด่นชัด
เด่นชัดโดยการกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการของมหาเถรสมาคม
นั่นก็คือ รับใช้และสนองงานให้ “มส.”
ถามว่าแล้ว “ปัญหา” อันกลายเป็นตัว “ทุกข์” ของความสัมพันธ์ระหว่างมหาเถรสมาคมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีเหตุปัจจัยมาจากอะไร
คำตอบก็คือ ส่อแววจะกลับหัวกลับหาง
แทนที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะเป็นเลขานุการให้กับมหาเถรสมาคมทำท่าว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว
>> เห็นได้จากกรณีของโรงเรียนพระปริยัติธรรม
>> เห็นได้จากกรณีของการแต่งตั้ง “เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา” อันมีความไม่พอใจกรุ่นมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เห็นได้ชัดว่า “พศ.” ทำท่าจะอยู่เหนือกว่า “มส.”
รูปธรรมก็คือ การประชุมมหาเถรสมาคม 2 ครั้ง ทางกรรมการมหาเถรสมาคมต้องการจะสอบถามความอื้อฉาวมากหลายไม่ว่าเรื่อง “เงินทอน” ไม่ว่าเรื่องเงินของโรงเรียนพระปริยัติธรรมจาก พศ.
![]() |
ที่มา https://www.thairath.co.th/content/1030434#cxrecs_s |
หลายฝ่ายประจักษ์ในเจตนาดีของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่จะต้องการกวาดล้างและทำความสะอาดภายในวงการสงฆ์
โดยถือเอาวัดและโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็น “เป้า”
การกวาดล้างและทำความสะอาดนี้มีการขานรับจากสังคมอย่างคึกคัก กว้างขวาง เพราะเกิดความเอือมระอามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
>> แต่คำถามก็คือ เรื่องนี้มีการปรึกษากับ “มส.” หรือไม่
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ก็คือ แม้ พศ.ต้องการจะเข้าไปมีบทบาทในการจัดระเบียบวัดและพระอย่างไร แต่ก็ต้องกระทำโดยผ่านคณะปกครองของสงฆ์ ที่สำคัญก็คือโดยมติของมหาเถรสมาคม
ตัวอย่างที่เห็นจากกรณีของวัดพระธรรมกายก็เด่นชัด
ใช่ว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะสามารถทำอะไรได้ตามที่ต้องการ เพราะว่าต้องผ่านเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล
ต่อวัดอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ยิ่งต่อโรงเรียนพระปริยัติธรรมยิ่งมีความละเอียดอ่อน
ทั้งหมดนี้คือตัวปัญหา ทั้งหมดนี้คือตัวทุกข์ ซึ่งไม่ว่ามหาเถรสมาคม ไม่ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องทำความเข้าใจตามความเป็นจริง
น่าแปลกที่ความขัดแย้งอันซึมลึกระหว่างมหาเถรสมาคมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกลับไม่อยู่ในความรับรู้ของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ
กลับมองเห็นเป็นเรื่อง “น่าขัน”
เรื่องโลกๆ โดยทั่วไปท่านรัฐมนตรีอาจเห็นเป็นความขำขันได้ แต่เรื่องของศาสนา เรื่องของวัด เรื่องของพระ ไม่ควรเลย
เพราะอาจก่อปัญหาระหว่าง “ศาสนจักร” กับ “อาณาจักร” ได้
ขอบคุณเนื้อหาและภาพ
- คอลัมน์หน้า 3 มติชน https://www.matichon.co.th/news/618002
- https://www.thairath.co.th/content/1030434#cxrecs_s
ผอ.พศ. คือการสร้างประโยชน์ ประสานประชาสัมพันธ์ เป็นกันชนไม่ให้คนเข้ามาโจมตีพระสงฆ์
ตอบลบการทุจริตเกิดจากข้าราชการบางคน พระท่านเป็นเหยื่อ
เป็นผู้เสียหาย แต่กลับ มีการออกข่าวเสมือนเจ้าอาวาสวัดต่างๆ
เป็นผู้ทุจริตโกงกินงบประมาณแผ่นดินดังกล่าวเสียเอง
ทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาบันพระพุทธศาสนาโดยภาพรวม
ย้ำว่า ผอ.สำนักพุทธหรือใคร ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินพระ
แต่ ณ ปัจจุบันดูเหมือนมาเป็นมือปราบเสียเอง ถูกแล้วหรือ?
ทำหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ และมหาเถรสมาคม อย่างถูกต้องแล้วหรือไม่? ตกลงยุคนี้ คือยุคฆราวาสปกครอง สงฆ์แล้วใช่หรือไม่
ผู้ปกครองควรรอบคอบก่อนสายเกินแก้ ถ้าพระพุทธศาสนาถูกทำลาย
ตอบลบผู้ปกครองควรรอบคอบก่อนสายเกินแก้ ถ้าพระพุทธศาสนาถูกทำลาย
ตอบลบอีกไม่นานเราคงเห็นผอ.พศ.คนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มีพระทั้งประเทศออกมาบิณฑบาตให้ลาออก หากยังมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้
ตอบลบการขาดความเคารพในพระรัตนตรัยคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ควรพิจารณาเลือกคนที่มีวุฒิภาวะ นับถือพระพุทธศาสนา มีความเคารพต่อพระรัตนตรัย มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการความสะดวกในการบริหารการคณะสงฆ์
ตอบลบการขาดความเคารพในพระรัตนตรัยคือต้นเหตุของปัญหานี้
ตอบลบการขาดความเคารพในพระรัตนตรัยคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ควรพิจารณาเลือกคนที่มีวุฒิภาวะ นับถือพระพุทธศาสนา มีความเคารพต่อพระรัตนตรัย มาทำหน้าที่ผู้อำนวยการความสะดวกในการบริหารการคณะสงฆ์
ตอบลบนี่หรือผู้มีหน้าที่สนองงานสงฆ์
ตอบลบถ้ามีเจตนาดี ภาพพจน์รวมของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาก็จะไม่มีภาพเสียเลย ถ้าผู้ต้องคอยสนองงานสงฆ์ทำหน้าที่ของตนให้บริบูรณ์ แต่ภาพพจน์ปัจจุบันของคณะสงฆ์เสียหาย นั้นก็แสดงถึงเจตนาของผู้คอยสนองงานว่าเป็นอย่างอื่นไป
ไม่ว่าใครก็ตามหากเป็นชาวพุทธแท้จริง ถ้ารักศรัทธาในพระพุทธศาสนาของตน มีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาก็ต้องปรับปรุงแก้ไขและป้องกันกันไป โดยสืบสาวหาเหตุถึงต้นเค้าให้ได้ แล้วไปแก้ให้ถูกจุด ปัญหาก็จะหมด ภาพรวมของพระพุทธศาสนาก็จะไม่มีเสียหาย เหมือนอย่างที่ศาสนิกอื่น ปัญหาภายในศาสนาของพวกเขาก็มีเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ออกมาให้ข่าวว่าร้ายศาสนาเขาเสียหายเลย
เรื่องนี้ถ้าผู้ดูแลสน.พุทธมีความปรารถนาดีจริงๆ ก็จะไม่เอาไฟในนำออก ไม่เอาไฟนอกนำเข้า สืบหาถึงต้นเหตุ ซึ่งความจริงก็รู้อยู่แล้ว ก็ไปจัดการตรงนั้นให้เรียบร้อย แต่ถ้าเจตนาแอบแฝงเป็นอย่างอื่นเที่ยวโพทนาให้ภาพพระพุทธศาสนาเสียหายตลอด เหมือนกับเอาปัญหาความผิดพลาดบางอย่างของสมาชิกในครอบครัวพ่อแม่ตนมาโพทนาให้ชาวบ้านรู้ จะเรียกว่า "คนกตัญญู" ได้อย่างไร ?
"เหตุที่เกิดทั้งหมดเป็นเรื่องของข้าราชการบางคนกระทำการทุจริต ไม่เกี่ยวกับพระ"
ขอย้ำว่า ไม่ใช่ไม่ให้แก้ไขอะไร แก้ไขได้ เอาผิดคนทำผิดได้ แต่ต้องไม่มีอคติ ๔ และทำไปตามหน้าที่ของตน ตามกระบวนการที่เขามีอยู่แล้ว อย่าไปก้าวก่าย อย่าเที่ยวให้สื่อให้ข่าวให้คณะสงฆ์เสียหาย ก็ใช้ได้แล้ว
การแก้ปัญหาทางพระพุทธศาสนา หน่วยงานทางพระพุทธศาสนาต้องแก้ไขร่วมกับคณะสงฆ์โดยผ่านมหาเถรสมาคม ไม่ใช่เข้ามาเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆให้พระสงฆ์ท่านทำตามโดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะสงฆ์ พระสงฆ์ไม่ได้เป็นสามัญชน แต่อยู่เพศสมณะ เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธนับถือว่า เป็นบรมศาสดา เป็นบรมครู การจะออกคำสั่งใดๆให้ท่านปฏิบัติ ต้องทำด้วยความเคารพและเป็นไปตามบทพระธรรมวินัย การใช้อำนาจในการปกครองแบบคนทั่วไปเอาใช้กับพระสงฆ์ไม่เป็นการบังควรอย่างยิ่ง คณะรัฐบาลถ้าพุทธศาสนิกชนกันอยู่ได้โปรดพิจารณาด้วยค่ะ
ตอบลบผอ พศ เป็นฆราวาสไม่สมควรที่จะมาจัดระเบียบโดยพละการ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ที่จะมาทำตัวควบคุมพระ
ตอบลบทำดี ทำถูก สังคมชื่นชมและได้บุญ แต่ถ้าทำผิด ทำไม่ดี สังคมติเตียนและได้บาปครับ
ตอบลบพระพุทธศาสนาในไทยกำลังมีภัย?
ตอบลบเหตุใดรัฐบาลนี้จึงใช้กฏหมายพิเศษ ม.44 แต่งตั้งผู้ที่นับถือศาสนาอื่น มาดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. แล้วพฤติกรรมของผอ.พศ.คนใหม่นี้ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ก็ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องส่งเสริมสนับสนุนงานของคณะสงฆ์ตามกฏหมายแต่อย่างใด ในการนี้ เป็นที่กังขาของชาวพุทธทั่วประเทศยิ่งนัก