วิธีที่คุณคิดและทำ สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ทางความเครียดของคุณได้อย่างไร?
นักจิตวิทยา เคลลี่ แมคกอนิกัล |
ความเครียด มันทำให้หัวใจคุณเต้นแรง ลมหายใจถี่ขึ้น และเหงื่อออกบนหน้าผาก แต่ขณะที่ความเครียดกลายเป็นศัตรูทางสุขภาพของคนส่วนใหญ่นั้น งานวิจัยชิ้นใหม่เสนอว่าความเครียดจะไม่ดีต่อคุณก็ต่อเมื่อคุณเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นเท่านั้น นักจิตวิทยา เคลลี่ แมคกอนิกัล ชวนให้พวกเรามองความเครียดในด้านบวก และแนะนำเราให้รู้จักกับกลไกที่ไม่ได้รับการเอ่ยถึงมาก่อนสำหรับการลดความเครียด นั่นก็คือการเข้าหาผู้อื่น
เคลลี่เป็นนักจิตวิทยา และภารกิจของเธอ คือการช่วยให้คนมีความสุขมากขึ้นและสุขภาพดีขึ้น
แต่แล้วเธอก็กลัวว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั้น เมื่อพูดถึงความเครียดแล้วจะเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะหลายปีที่ผ่านมา เธอเฝ้าบอกผู้คนว่าความเครียด มันเพิ่มความเสี่ยงในทุกๆ ด้าน จากไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงโรคหัวใจ
โดยพื้นฐานเธอทำให้ความเครียดเป็นศัตรู แต่ปัจจุบันเธอได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความเครียดแล้ว และวันนี้เธออยากจะเปลี่ยนความคิดของคนอื่นด้วย
งานวิจัยที่ทำให้เคลลี่ต้องคิดใหม่เกี่ยวกับวิธีการมองความเครียดของเธอ
งานศึกษาชื้นนี้ติดตามผู้ใหญ่จำนวน 30,000 คนในสหรัฐฯ เป็นเวลา 8 ปี และพวกเขาเริ่มถามผู้คนว่า
...คุณมีความเครียดมากแค่ไหนปีที่ผ่านมา?
พวกเขาถามด้วยว่า
...คุณเชื่อหรือเปล่า ความเครียดเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ
แล้วพวกเขาก็ดูที่สถิติการตายของรัฐ เพื่อดูว่าใครบ้างที่ตายแล้ว
เคลลี่นำเสนอเริ่มที่ข่าวร้ายก่อน
- คนที่มีความเครียดมากๆ ในช่วงปีก่อนหน้า มีความเสี่ยง 43 % ที่จะเสียชีวิต แต่นั่นเป็นจริงเฉพาะคนที่เชื่อว่าความเครียดนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเขา
- คนที่เจอความเครียดมากๆ แต่ไม่ได้มองว่าความเครียดอันตราย มีความเป็นไปได้น้อยกว่าที่จะตาย ที่จริงแล้ว พวกเขามีความเสี่ยงในการตายน้อยที่สุดเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ในงานวิจัย ซึ่งรวมถึงกลุ่มคนที่มีความเครียดน้อยด้วย
- นักวิจัยประมาณการว่า ในช่วง 8 ปีที่พวกเราติดตามตัวเลขการเสียชีวิต คนอเมริกัน 182,000 คน ตายก่อนวัยอันควร ไม่ใช่เพราะความเครียด แต่เป็นเพราะเชื่อว่าความเครียดนั้นไม่ดีกับตัวเขา
คุณจะเห็นได้ว่าทำไมงานวิจัยชิ้นนี้ถึงทำให้เคลลี่เปลี่ยนไป เธอใช้พลังงานมากมายในการบอกผู้คนว่า ความเครียดนั้นแย่สำหรับสุขภาพของคุณ
งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เคลลี่เกิดข้อสงสัย การเปลี่ยนความคิดที่คุณมีต่อความเครียดจะทำให้คุณ มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้หรือไม่ และวิทยาศาสตร์ก็ได้บอกว่า ใช่ เมื่อคุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความเครียด คุณจะสมารถเปลี่ยนการตอบสนองของร่างกายของคุณที่มีต่อความเครียดได้
เคลลี่จะอธิบายว่า มันทำงานอย่างไร???
ถ้าคุณเข้าไปอยู่การทดสอบที่ต้องเจอกับภาวะความเครียดมากๆ แล้ว หัวใจของคุณอาจจะเต้นแรง คุณอาจจะหายใจเร็วขึ้น อาจจะเหงื่อแตก และโดยทั่วไป เราแปลความหมายของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเหล่านี้ว่า ความวิตกกังวล หรือสัญญาณที่ว่า เราจัดการกับความเครียดได้ไม่ดีนัก
แต่ถ้าหากคุณมองพวกมันเป็นสัญญาณที่ว่า ร่างกายของคุณมีชีวิตชีวาขึ้นล่ะ เป็นการเตรียมตัวที่จะได้เจอกับความท้าทายนี้ล่ะ นั่นคือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมวิจัยถูกบอก ในงานวิจัยที่ทำโดยมหาวิทยาลัยฮาร์ดวาร์ด ก่อนที่พวกเขาจะเข้าทำการทดสอบความเครียดทางสังคม พวกเขาถูกสอนให้คิดเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดเสียใหม่ว่า มีประโยชน์ ที่ว่า
- หัวใจที่เต้นแรงช่วยทำให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการกระทำ
- ถ้าคุณหายใจเร็วขึ้น นั่นไม่ใช่ปัญหา มันทำให้ออกซิเจนไปที่สมองคุณมากขึ้น
และผู้เข้าร่วมซึ่งเรียนรู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดนั้น เป็นประโยชน์ต่อความสามารถของพวกเขา พวกเขาเครียดน้อยลง กังวลน้อยลง มั่นใจมากขึ้น แต่ข้อค้นพบที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับเคลลี่ คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับปฏิกิริยาทางร่างกายของพวกเขาที่ตอบสนองต่อความเครียด
ในการตอบสนองความเครียดโดยทั่วไป อัตราการเต้นหัวใจของคุณสูงขึ้นและเส้นเลือดของคุณจะหดตัวลง และนี่คือหนึ่งในเหตุผลทั้งหลายที่ว่าความเครียดเรื้อรัง บางครั้งมีผลเกี่ยวพันกับโรคหัวใจ มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย ที่จะต้องอยู่ภายในภาวะแบบนี้ตลอดเวลา
แต่ในงานวิจัยนี้ เมื่อผู้เข้าร่วมมองว่า ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดนั้นมีประโยชน์ เส้นเลือดของพวกเขาจะผ่อนคลาย หัวใจของพวกเขายังเต้นแรง แต่มันเป็นระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ดูมีสุขภาพดีกว่า ที่จริง สภาพมันดูเหมือนกับตอนที่คนเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขและกล้าหาญ
ตลอดชีวิตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ความเครียดต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพนี้ สามารถทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างหัวใจวายจากความเครียดตอนอายุ 50 กับการอยู่ดีมีสุขจนถึงอายุ 90 และนี่คือสิ่งทีวิทยาศาสตร์ด้านความเครียดแนวใหม่เปิดเผยออกมา ว่า วิธีที่คุณคิดเกี่ยวกับความเครียดนั้นสำคัญ
เวลาที่คุณเจอความเครียดมากๆ เวลาที่หัวใจคุณเต้นแรงเพราะความเครียด คุณจะต้องบอกกับคุณเองว่า นี่คือการที่ร่างกายของฉันกำลังช่วยฉันให้ลุกขึ้นสู้ต่อความท้าทายนี้ และเมื่อคุณมองความเครียดในทางนั้น ร่างกายของคุณจะเชื่อคุณ และความเครียดองคุณจะดีต่อสุขภาพมากขึ้น
มารู้จักฮอร์โมนคลอเคลีย
เคลลี่ ใช้เวลามากกว่าสิบปี ในการมองความเครียดเป็นมารร้าย ที่เธอต้องการปลดปล่อยตัวเองออกจากมัน ดังนั้น เธออยากจะบอกเกี่ยวกับหนึ่งในด้านที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียด และความคิดนี้ก็คือ ความเครียดทำให้คุณเข้าสังคม
ในการที่จะเข้าใจความเครียดในด้านนี้ เราต้องพูดเกี่ยวกับฮอร์โมนที่ชื่อว่า ออกซิโทซิน ออกซิโทซิน ได้รับการพูดถึงอย่างมาก ฮอร์โมนนี้มีชื่อเล่นๆ น่ารักๆ ว่า ฮอร์โมนคลอเคลีย เพราะมันจะถูกหลั่งออกมาเมื่อคุณกอดใครสักคน แต่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ออกซิโทซินเกี่ยวข้อง
ออกซิโทซินเป็นฮอร์โมนประสาท มันปรับสัญชาตญาณการเข้าสังคมของสมองของคุณ
มันตระเตรียมคุณให้ทำอะไรๆ ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด ออกซิโทซินทำให้คุณต้องการการสัมผัสทางกาย กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ มันเพิ่มการเห็นอกเห็นใจของคุณ มันจะทำให้คุณอยากที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนคนที่คุณเป็นห่วงเป็นใย บางคนแนะนำแม้กระทั่งว่า เราควรพ่นออกซิโทซินออกทางจมูก เพื่อจะได้มีความเห็นอกเห็นใจและห่วงใยมากขึ้น
แต่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับออกซิโทซิน มันคือฮอร์โมนความเครียด ต่อมใต้สมองของคุณผลิตเจ้าสารตัวนี้ออกมา มันเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อความเครียด มากพอๆ กับอะดรีนาลีนที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรง
และเมื่อออกซิโทซินถูกปล่อยออกมาเพื่อตอบสนองความเครียด มันจะกระตุ้นให้คุณมองหากำลังใจ ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดทางชีวภาพได้กระตุ้นให้คุณบอกใครสักคนว่าคุณรู้สึกยังไง มากกว่าที่จะเก็บกดมันเอาไว้ ปฏิกิริยาตอบสนองความเครียดของคุณต้องการที่จะแน่ใจว่า คุณสังเกตเห็นว่าใครสักคนในชีวิตคุณกำลังลำบาก เพื่อที่ว่าคุณจะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน เมื่อชีวิตตกที่นั่งลำบาก ปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณต้องการให้คุณถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่ห่วงใยคุณ
แล้วเราได้รู้จักด้านนี้ของความเครียดจะทำให้คุณสุขภาพดีขึ้นได้ยังไง
ฮอร์โมนออกซิโทซินมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด |
ก็ออกซิโทซินมันไม่ได้แค่มีผลต่อสมองเท่านั้น มันยังมีผลต่อร่างกายของคุณด้วย และหนึ่งในบทบาทหลักของมันที่มีต่อร่างกายคุณ ก็คือ เพื่อป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือดของคุณ จากผลลัพธ์ทางความเครียดต่างๆ มันเป็นยาแก้อักเสบแบบธรรมชาติ มันยังช่วยให้หลอดเลือดคุณผ่อนคลายระหว่างเครียดอีกด้วย
แต่ผลที่มีต่อร่างกายที่เคลลี่ชอบมาก คือ ผลที่มีต่อหัวใจ หัวใจของคุณมีหน่วยรับเจ้าฮอร์โมนนี้ และออกซิโทซินช่วยผลิตและรักษาเซลล์หัวใจที่เสียหายจากความเครียด ฮอร์โมนความเครียดตัวนี้ทำให้หัวใจของคุณแข็งแรงขึ้น
และสิ่งที่เจ๋งก็คือว่า ประโยชน์ต่อร่างกายของออกซิโทซินทั้งหมดนี้ เพิ่มขึ้นด้วยการพบปะทางสังคมและการเกื้อหนุนทางสังคม
อีกชิ้นหนึ่งของงานวิจัย ฟังให้ดีเพราะงานวิจัยชิ้นนี้สามารถช่วยชีวิตได้ด้วย
- งานศึกษานี้ติดตามผู้ใหญ่ 1,000 คนในสหรัฐฯ พวกเขาอยู่ในช่วงอายุ 34 – 93
- งานวิจัยเริ่มต้นด้วยการถามว่า คุณเจอความเครียดมากแค่ไหนในปีที่ผ่านมา
- พวกเขาถามด้วยว่า คุณใช้เวลามากแค่ไหนในการช่วยเหลือเพื่อน เพื่อนบ้าน และคนอื่นๆ ในชุมชนของคุณ
- แล้วพวกเขาก็ดูที่สถิติของรัฐในห้าปีถัดมาว่า ใครตายไปบ้าง
เอาข่าวร้ายก่อน สำหรับความเครียดหนักมากๆ ในชีวิต เช่น ความลำบากทางการเงิน หรือวิกฤตครอบครัวนั่น เพิ่มความเสี่ยงในการตายไป 30 % แต่นั่นไม่จริงสำหรับทุกคน
คนที่ใช้เวลาไปกับการดูแลคนอื่น ได้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีการเพิ่มขึ้นของการตายที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเลย เป็นศูนย์ การดูแลห่วงใยได้สร้างการฟื้นฟูขึ้น
เราได้เห็นอีกครั้งว่าผลลัพธ์ที่อันตรายของความเครียดที่มีต่อสุขภาพของคุณเป็นเรื่องที่หลักเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่คุณคิดและทำ สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ทางความเครียดของคุณได้
>>> เมื่อคุณเลือกที่จะมองว่าปฏิกิริยาสนองความเครียดของคุณมีประโยชน์ คุณได้สร้างชีววิทยาของความกล้าหาญขึ้น
>>> และเมื่อคุณเลือกที่จะสัมพันธ์กับผู้อื่นระหว่างที่เครียด คุณสามารถสร้างการฟื้นฟูได้
ขอขอบคุณข้อมูล - https://www.ted.com/talks/kelly_mcgonigal_how_to_make_stress_your_friend
- https://www.ted.com/talks/kelly_mcgonigal_how_to_make_stress_your_friend?language=th
0 ความคิดเห็น: